svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

ผู้สูงอายุกับอาหาร อะไรควรทาน อะไรควรเลี่ยง ลดความเสี่ยงโรครุมเร้า

ผู้สูงอายุที่บ้านกำลังเบื่ออาหารใช่หรือไม่? ชวนรู้เคล็ดลับสุขภาพดีเกี่ยวกับโภชนาการด้านอาหารคนสูงวัย ชี้เป้า 4 กลุ่มอาหารยิ่งอายุเยอะยิ่งต้องกิน ชะลอความเสื่อม บำรุงสมอง ดีต่อหัวใจและไขข้อ พร้อมลิสต์อาหารที่ต้องลด ละ เลี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงเกิดโรครุมเร้า

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมถอยของร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะเรื่องของระบบหัวใจ ไขข้อ ประสาท และสมอง ปัจจุบันพบว่ามีผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคภาวะสมองเสื่อมเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2573 สถิติผู้ป่วยในไทยจะพุ่งขึ้นสูงถึง 1,117,000 คน เหตุจากการได้รับสารอาหารที่ไม่มีเพียงพอต่อ ความต้องการ ทำให้ระบบประสาทและสมองเสื่อมถอยได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งส่งผลกระทบด้านความคิด ความทรงจำและการใช้ชีวิตประจำวัน  

ผู้สูงอายุกับอาหาร อะไรควรทาน อะไรควรเลี่ยง ลดความเสี่ยงโรครุมเร้า

สำรวจปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถมีความสุขกับการทานอาหารเหมือนเดิม

ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่เสื่อมสลายมากกว่าสร้างเสริม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงเรื่องสำคัญอย่างการรับประทานอาหาร ที่ชัดเจนที่สุดคือ ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น การสูญเสียฟัน ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นแผล ซึ่งส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหารภายในปาก ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเวลาทานอาหาร  รวมถึงความสามารถในการรับรสบนลิ้นลดลง ปัญหาการย่อย และการดูดซึม ขณะที่ผู้สูงอายุหลายคนอาจมีปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วย อาทิ ความเครียด ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลง หรือการต้องทานข้าวคนเดียวที่ทำให้ความอยากอาหารลดลงและกินอาหารได้น้อยลงจนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

ผู้สูงอายุกับอาหาร อะไรควรทาน อะไรควรเลี่ยง ลดความเสี่ยงโรครุมเร้า

อาหาร 4 กลุ่มที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ

1 วิตามินบี

การทำงานของระบบประสาทส่วนกลางของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณสารอาหารที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวิตามินบี6 และบี12  ซึ่งเรามักพบว่าผู้สูงอายุจะขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากร่างกายของผู้สูงอายุ จะดูดซึมวิตามินบี 12 จากอาหารได้ยากขึ้น การทำงานของสมองจึงได้รับผลกระทบ วิตามินบี6 และ12  พบมากใน เนื้อสัตว์ ไข่และนมวิตามินบี9 (โฟเลต) ที่มักจะพบในธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้

ประโยชน์ของวิตามินบี คือเป็นสารที่ช่วยบำรุงประสาท ช่วยในเรื่องความทรงจำป้องกันโรคสมองเสื่อมและช่วยบำรุงระบบประสาทอื่นๆ ของร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  วิตามินบี 6 ยังช่วยเสริมการดูดซึมกรดอะมิโนซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของโปรตีนในการเสริมสร้างระบบประสาทและสมองให้แข็งแรง

2 โอเมก้า 3

สามารถพบได้ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน หรือสามารถหาซื้อได้ง่าย และราคาถูกที่ เช่น ปลาทู ปลาอินทรีย์ ปลาจะละเม็ดขาว ปลาสำลี ปลากะพงขาว เป็นต้น

ประโยชน์ของโอเมก้า 3 จากปลาทะเลน้ำลึกคือในเนื้อปลาเหล่านี้มีกรดไขมันจำเป็นในปริมาณที่มากพอที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบประสาทและสมอง ช่วยในเรื่องความจำและลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ทั้งยังช่วยบำรุงหัวใจ ข้อต่อต่าง ๆ ได้อีกด้วย

3 กลุ่มต้านอนุมูลอิสระ

เช่น วิตามินซี วิตามินอี ได้แก่อาหารจำพวกผักใบเขียวและผลไม้หลากสี ผลไม้รสเปรี้ยว โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่อุดมไปด้วยสารโพลิฟีนอล และสารฟลาโวนอยด์  ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ มีวิตามินบีรวมวิตามินอีและแร่ธาตุอื่นๆ ล้วนอยู่ในสารอาหารที่สามารถต้านอนุมูลอิสระ

ประโยชน์ของกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ คือสามารถช่วยป้องกันความเสื่อมในร่างกาย ช่วยให้สมองไม่เสื่อมเร็ว ป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในฮิปโปแคมปัส ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความทรงจำและยังมีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทในด้านการมองเห็น และในส่วนของผักใบเขียว เป็นอาหารที่กรดโฟลิกซึ่งมีสารที่ช่วยให้การบำรุงสมองและช่วยดูแลควบคุมอารมณ์ให้อยู่ภาวะปกติ

4 เลซิติน

เมื่อร่างกายได้รับสารเลซิตินจะเปลี่ยนเป็นสารที่ชื่อว่า “โคลีน” และสารโคลีนจะถูกสังเคราะห์โดยเซลล์ประสาทชื่อว่าอะซิติลโดลีน พบมากใน ไข่ไก่ นับเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน นอกจากในไข่ไก่แล้วยังพบใน ถั่วเหลือง ถั่วลิสง, เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าวสาลี และข้าวโพดสีเหลือง

ประโยชน์ของโคลิน คือจะทำหน้าที่สำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง และความจำ

ผู้สูงอายุกับอาหาร อะไรควรทาน อะไรควรเลี่ยง ลดความเสี่ยงโรครุมเร้า

เปิดรายการ 5 หมู่อาหารและโภชนาการที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ

สำหรับผู้สูงอายุอาหารที่ควรรับประทานนั้นควรเป็นอาหารที่หลากหลาย แต่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป และควรได้รับพลังงานจากอาหารอย่างเพียงพอ คือวันละ 1,500 - 2,000 กิโลแคลอรี โดยแบ่งตามอาหารหลัก 5 หมู่ที่เหมาะสม ดังนี้

โปรตีน ผู้สูงอายุต้องการสารอาหารกลุ่มนี้มากที่สุด ควรได้รับประมาณ 6 - 8 ช้อนกินข้าวต่อวัน เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอาหารกลุ่มนี้จะประกอบด้วยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู  เนื้อ  ปลา กุ้ง โดยเฉพาะเนื้อปลา เป็นเนื้อสัตว์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ เพราะย่อยง่าย ไขมันต่ำ รวมถึงโปรตีนจากนมเพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง ผู้สูงอายุควรดื่มนมพร่องมันเนยวันละ 1 - 2 แก้ว (นม 1 แก้ว ขนาด 200 มล.) และควรรับประทานไข่ไก่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 - 4 ฟอง แต่ผู้สูงอายุที่มีไขมันในเลือดสูง ควรจำกัดการรับประทานไข่แดงไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง หรือเลือกรับประทานเฉพาะไข่ขาวเท่านั้น

คาร์โบไฮเดรต ผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือผ่านการขัดสีน้อยวันละ 7 - 9 ทัพพี เช่น ข้าวกล้อง เผือก มัน ธัญพืช ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย และควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้เพียงพอเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม 

เกลือแร่และแร่ธาตุจากผักต่างๆ ส่วนใหญ่นั้นมาจากพืชและผักสีต่างๆ โดยผู้สูงอายุควรรับประทานผักที่ผ่านการปรุงด้วยการต้มหรือนึ่งให้สุกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้เคี้ยวง่าย และควรเป็นผักหลากหลายสีเพื่อให้ได้วิตามิน แร่ธาตุที่หลากหลาย ในการเสริมความแข็งแรงและป้องกันโรค เช่น

  • ธาตุเหล็ก : ช่วยป้องกันภาวะซีดและอาการเหนื่อยง่าย พบมากในผักใบเขียว กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ ถั่วเขียว ถั่วแดง งาดำ
  • วิตามินซี : ที่ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร พบมากในผักโขม มะละกอ ฝรั่ง ส้ม
  • โพแทสเซียม : ช่วยให้ระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พบมากใน กล้วย ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ ผักโขม ข้าวซ้อมมือ
  • วิตามินบี 12 : สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เซลล์สมองและเส้นประสาท พบมากในเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ ปลา โยเกิร์ต เนยแข็ง นม
  • แมกนีเซียม : พบมากในเนื้อปลา ผักใบเขียว กล้วย และถั่วต่างๆ
  • วิตามินเอ : ช่วยรักษาสายตาของผู้สูงอายุไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว พบมากในผักโขม แครอท มันเทศ ฟักทอง มะละกอ
  • วิตามินจากผลไม้ต่างๆ ผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานผลไม้ที่เคี้ยวง่าย เนื้อนุ่ม และควรรับประทานผลไม้ทุกวัน เพื่อให้ได้รับวิตามินซีและเส้นใยอาหาร เช่น มะละกอ กล้วยสุก ส้ม แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสชาติหวานจัด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลได้

ไขมัน ผู้สูงอายุยังคงต้องการพลังงานจากไขมัน แต่ต้องจำกัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยควรบริโภคไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา และควรลดหรือจำกัดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย น้ำมัน กะทิ ครีมเข้มข้น

ผู้สูงอายุกับอาหาร อะไรควรทาน อะไรควรเลี่ยง ลดความเสี่ยงโรครุมเร้า

อาหารสำหรับผู้สูงอายุที่ควรหลีกเลี่ยง 

อาหารที่ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยง หรือรับประทานแต่น้อยและนานๆ ครั้ง มีดังนี้

  • อาหารที่มีรสจัด หวานจัด เค็มจัด ขนมหวาน เช่น ขนมไทย เค้ก ลูกอม ไอศกรีม ช็อกโกแลต เป็นต้น
  • อาหารประเภททอด รวมทั้งเนื้อสัตว์ติดมันซึ่งมีปริมาณไขมันสูง เพราะย่อยยาก อาจทำให้ผู้สูงอายุท้องอืดและแน่นท้อง
  • อาหารแปรรูปชนิดต่างๆ เช่น อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก ลูกชิ้น หมูยอ แหนม อาหารที่มีเชื้อจุลินทรีย์ ใช้วัตถุกันเสียและสารเคมีปรุงแต่งสี รสชาติ กลิ่น เพื่อใช้ถนอมอาหาร
  • อาหารประเภทหมักดอง 
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน รวมถึงการสูบบุหรี่ เพราะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารอ่อนๆ นิ่ม รับประทานง่าย และควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำช่วยนำสารอาหารต่างๆ ไปยังอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย อีกทั้งช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ระบายของเสียออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น

ท้ายที่สุดนอกจากการเลือกให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหาที่ช่วยบำรุงสมองแล้ว สิ่งที่ ไม่ควรละเลยอีกประการคือการบำรุงสมองผู้สูงวัยในด้านอื่นๆ เช่น การฝึกสมอง และการออกลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่เข้าไปเลี้ยงสมองได้นอกจากนี้การการพักผ่อนให้เพียงพอยังช่วยให้ลดภาวะความจำสั้นในผู้สูงอายุให้ลดน้อยลงได้