
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมถอยของร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะเรื่องของระบบหัวใจ ไขข้อ ประสาท และสมอง ปัจจุบันพบว่ามีผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคภาวะสมองเสื่อมเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2573 สถิติผู้ป่วยในไทยจะพุ่งขึ้นสูงถึง 1,117,000 คน เหตุจากการได้รับสารอาหารที่ไม่มีเพียงพอต่อ ความต้องการ ทำให้ระบบประสาทและสมองเสื่อมถอยได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งส่งผลกระทบด้านความคิด ความทรงจำและการใช้ชีวิตประจำวัน
สำรวจปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถมีความสุขกับการทานอาหารเหมือนเดิม
ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่เสื่อมสลายมากกว่าสร้างเสริม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงเรื่องสำคัญอย่างการรับประทานอาหาร ที่ชัดเจนที่สุดคือ ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น การสูญเสียฟัน ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นแผล ซึ่งส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหารภายในปาก ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเวลาทานอาหาร รวมถึงความสามารถในการรับรสบนลิ้นลดลง ปัญหาการย่อย และการดูดซึม ขณะที่ผู้สูงอายุหลายคนอาจมีปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วย อาทิ ความเครียด ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลง หรือการต้องทานข้าวคนเดียวที่ทำให้ความอยากอาหารลดลงและกินอาหารได้น้อยลงจนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
อาหาร 4 กลุ่มที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ
1 วิตามินบี
การทำงานของระบบประสาทส่วนกลางของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณสารอาหารที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวิตามินบี6 และบี12 ซึ่งเรามักพบว่าผู้สูงอายุจะขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากร่างกายของผู้สูงอายุ จะดูดซึมวิตามินบี 12 จากอาหารได้ยากขึ้น การทำงานของสมองจึงได้รับผลกระทบ วิตามินบี6 และ12 พบมากใน เนื้อสัตว์ ไข่และนมวิตามินบี9 (โฟเลต) ที่มักจะพบในธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้
ประโยชน์ของวิตามินบี คือเป็นสารที่ช่วยบำรุงประสาท ช่วยในเรื่องความทรงจำป้องกันโรคสมองเสื่อมและช่วยบำรุงระบบประสาทอื่นๆ ของร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินบี 6 ยังช่วยเสริมการดูดซึมกรดอะมิโนซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของโปรตีนในการเสริมสร้างระบบประสาทและสมองให้แข็งแรง
2 โอเมก้า 3
สามารถพบได้ในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน หรือสามารถหาซื้อได้ง่าย และราคาถูกที่ เช่น ปลาทู ปลาอินทรีย์ ปลาจะละเม็ดขาว ปลาสำลี ปลากะพงขาว เป็นต้น
ประโยชน์ของโอเมก้า 3 จากปลาทะเลน้ำลึกคือในเนื้อปลาเหล่านี้มีกรดไขมันจำเป็นในปริมาณที่มากพอที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบประสาทและสมอง ช่วยในเรื่องความจำและลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ทั้งยังช่วยบำรุงหัวใจ ข้อต่อต่าง ๆ ได้อีกด้วย
3 กลุ่มต้านอนุมูลอิสระ
เช่น วิตามินซี วิตามินอี ได้แก่อาหารจำพวกผักใบเขียวและผลไม้หลากสี ผลไม้รสเปรี้ยว โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่อุดมไปด้วยสารโพลิฟีนอล และสารฟลาโวนอยด์ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ มีวิตามินบีรวมวิตามินอีและแร่ธาตุอื่นๆ ล้วนอยู่ในสารอาหารที่สามารถต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ คือสามารถช่วยป้องกันความเสื่อมในร่างกาย ช่วยให้สมองไม่เสื่อมเร็ว ป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในฮิปโปแคมปัส ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความทรงจำและยังมีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทในด้านการมองเห็น และในส่วนของผักใบเขียว เป็นอาหารที่กรดโฟลิกซึ่งมีสารที่ช่วยให้การบำรุงสมองและช่วยดูแลควบคุมอารมณ์ให้อยู่ภาวะปกติ
4 เลซิติน
เมื่อร่างกายได้รับสารเลซิตินจะเปลี่ยนเป็นสารที่ชื่อว่า “โคลีน” และสารโคลีนจะถูกสังเคราะห์โดยเซลล์ประสาทชื่อว่าอะซิติลโดลีน พบมากใน ไข่ไก่ นับเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน นอกจากในไข่ไก่แล้วยังพบใน ถั่วเหลือง ถั่วลิสง, เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าวสาลี และข้าวโพดสีเหลือง
ประโยชน์ของโคลิน คือจะทำหน้าที่สำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง และความจำ
เปิดรายการ 5 หมู่อาหารและโภชนาการที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
สำหรับผู้สูงอายุอาหารที่ควรรับประทานนั้นควรเป็นอาหารที่หลากหลาย แต่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป และควรได้รับพลังงานจากอาหารอย่างเพียงพอ คือวันละ 1,500 - 2,000 กิโลแคลอรี โดยแบ่งตามอาหารหลัก 5 หมู่ที่เหมาะสม ดังนี้
โปรตีน ผู้สูงอายุต้องการสารอาหารกลุ่มนี้มากที่สุด ควรได้รับประมาณ 6 - 8 ช้อนกินข้าวต่อวัน เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอาหารกลุ่มนี้จะประกอบด้วยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู เนื้อ ปลา กุ้ง โดยเฉพาะเนื้อปลา เป็นเนื้อสัตว์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ เพราะย่อยง่าย ไขมันต่ำ รวมถึงโปรตีนจากนมเพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง ผู้สูงอายุควรดื่มนมพร่องมันเนยวันละ 1 - 2 แก้ว (นม 1 แก้ว ขนาด 200 มล.) และควรรับประทานไข่ไก่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 - 4 ฟอง แต่ผู้สูงอายุที่มีไขมันในเลือดสูง ควรจำกัดการรับประทานไข่แดงไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง หรือเลือกรับประทานเฉพาะไข่ขาวเท่านั้น
คาร์โบไฮเดรต ผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือผ่านการขัดสีน้อยวันละ 7 - 9 ทัพพี เช่น ข้าวกล้อง เผือก มัน ธัญพืช ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย และควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้เพียงพอเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
เกลือแร่และแร่ธาตุจากผักต่างๆ ส่วนใหญ่นั้นมาจากพืชและผักสีต่างๆ โดยผู้สูงอายุควรรับประทานผักที่ผ่านการปรุงด้วยการต้มหรือนึ่งให้สุกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้เคี้ยวง่าย และควรเป็นผักหลากหลายสีเพื่อให้ได้วิตามิน แร่ธาตุที่หลากหลาย ในการเสริมความแข็งแรงและป้องกันโรค เช่น
ไขมัน ผู้สูงอายุยังคงต้องการพลังงานจากไขมัน แต่ต้องจำกัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยควรบริโภคไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา และควรลดหรือจำกัดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย น้ำมัน กะทิ ครีมเข้มข้น
อาหารสำหรับผู้สูงอายุที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารที่ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยง หรือรับประทานแต่น้อยและนานๆ ครั้ง มีดังนี้
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารอ่อนๆ นิ่ม รับประทานง่าย และควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพราะน้ำช่วยนำสารอาหารต่างๆ ไปยังอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย อีกทั้งช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ระบายของเสียออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
ท้ายที่สุดนอกจากการเลือกให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหาที่ช่วยบำรุงสมองแล้ว สิ่งที่ ไม่ควรละเลยอีกประการคือการบำรุงสมองผู้สูงวัยในด้านอื่นๆ เช่น การฝึกสมอง และการออกลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่เข้าไปเลี้ยงสมองได้นอกจากนี้การการพักผ่อนให้เพียงพอยังช่วยให้ลดภาวะความจำสั้นในผู้สูงอายุให้ลดน้อยลงได้