svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

เตือนผู้ป่วย "ความดันโลหิตสูง" อย่าหยุดใช้ยาเอง เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต!

เตือนผู้ป่วยโรคความดันโลหิต อย่าหยุดยาเอง แนะตรวจสอบก่อนเปลี่ยนยาใหม่และใช้ยาต่อเนื่อง พร้อมรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ เลี่ยงกินเค็ม งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายเป็นประจำ

จากกรณีคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรณีประกาศเรียกคืนยาลดความดัน "เออบีซาแทน" (Irbesartan) จำนวน 42 รุ่น จาก 5 ผู้ผลิต เนื่องจากพบการปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็ง เอแซดบีที (Azidomethyl biphenyl tetrazole; AZBT) ในวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยา ทำให้ผู้ป่วยบางรายอาจเข้าใจว่ายาดังกล่าวอันตรายมากจนกังวลถึงผลกระทบต่อการใช้ยาซึ่งข้อมูลยังไม่ได้ชัด อีกทั้งการทานยาที่จะก่อปัญหาได้ต้องมีปริมาณมาก

เตือนผู้ป่วย "ความดันโลหิตสูง" อย่าหยุดใช้ยาเอง เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต!

นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แจ้งว่าไทยพบว่ามีวัตถุดิบบางรุ่นที่พบปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็งเกินเกณฑ์สากลที่ยอมรับได้ อย. จึงสั่งให้ผู้รับอนุญาตผลิตเรียกเก็บคืนยาสำเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบที่พบการปนเปื้อน และแจ้งเตือนการเรียกเก็บคืนยาไปยังโรงพยาบาล คลินิก และร้านยา ควบคู่กับการประสานให้ผู้รับอนุญาต ผลิตชดเชยเปลี่ยนยารุ่นการผลิตอื่นที่ปลอดภัยต่อไป อย่างไรก็ตาม การปนเปื้อนของสารที่อาจก่อมะเร็งดังกล่าว พบเพียงเฉพาะบางรุ่นการผลิตในผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปที่เรียกคืนเท่านั้น โดยรายการยาที่เรียกเก็บคืนสามารถตรวจสอบได้จากเอกสารแนบท้าย

ดังนั้น ระหว่างนี้หากพบว่ายาที่กินอยู่ในล็อตดังกล่าว ขออย่าเพิ่งหยุดทาน เพราะโรคความดันโลหิตจำเป็นต้องทานทุกวัน จากนั้นค่อยไปคืนและแลกเปลี่ยนยาใหม่กลับมา โดยผู้ป่วยต้องตรวจสอบว่ายาที่ตนเองมีในตอนนี้เป็น 1 ใน 42 ล็อตการผลิตที่ อย.ประกาศหรือไม่ แนะนำว่าให้มาพบเภสัชกรในสถานพยาบาล ดีกว่าการไปหาซื้อยากินเอง เพราะผู้ป่วยบางคนรู้ข่าวดังกล่าว อาจจะหยุดกินยาทันที ซึ่งอาจจะส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น หรือไม่สามารถควบคุมได้ ฉะนั้นก็ต้องมาพบแพทย์เพื่อเปลี่ยนยา

ซึ่งขณะนี้ อย.กำลังจัดทำระบบเพื่อให้ประชาชนสอบถามข้อมูลต่างๆ รวมทั้งกรณีการใช้ยาด้วย โดยจะทำเป็นแชทบอทตอบคำถาม และจะมีสายด่วนเฉพาะขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์

เตือนผู้ป่วย "ความดันโลหิตสูง" อย่าหยุดใช้ยาเอง เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต!

เตือนผู้ป่วยอย่างหยุดยาลดความดันโลหิตเอง เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต

ข้อมูลจากองค์การเภสัชกรรม แนะนำให้ใช้ยาลดความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง และตรงเวลาทุกวัน ระหว่างที่รักษาด้วยยาลดความดันโลหิต ควรรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ เลี่ยงการรับประทานเค็ม งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำ

ยาลดความดันโลหิตเป็นยาที่ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับการรักษา แต่ไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจึงต้องใช้ยาต่อเนื่องกันทุกวันเป็นเวลานาน การหยุดยาเองอย่างกะทันหันอาจเกิดผลเสียอย่างร้ายแรงได้ เช่น เส้นเลือดในสมองแตก อัมพฤต อัมพาต หรือเสียชีวิต

สำหรับวิธีรับประทานยาลดความดันโลหิต ควรรับประทานตามขนาดยาที่แพทย์สั่งให้ ตรงเวลาทุกวันในเวลาที่แน่นอนจึงจะได้ผลดี เช่น หลังแปรงฟันตอนเช้าหรือก่อนนอนของทุกๆ วัน ถ้าลืมรับประทานควรรับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้ถึงเวลาของยามื้อต่อไป ให้งดมื้อที่ลืม และรับประทานมื้อปกติในขนาดปกติ ห้ามรับประทานเพิ่มเป็น 2 เท่าอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตราย

ยาลดความดันบางชนิดเป็นยาออกฤทธิ์ช้า ไม่ควรบดหรือแบ่งหรือเคี้ยวเม็ดยานั้น เพราะจะทำให้คุณสมบัติของยาเสียไป ควรกลืนทั้งเม็ดพร้อมน้ำหนึ่งแก้ว บางชนิดไม่ควรรับประทานร่วมกับอาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารที่มีกะทิ เป็นต้น บางชนิดอาจทำให้มึนงงง่วงซึมได้ จึงไม่ควรขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรที่อาจทำอันตรายได้ ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในการรับประทานยาและการปฏิบัติตัว

สำหรับผู้รับประทานยาลดความดันโลหิตอาจมีอาการข้างเคียง เช่น รู้สึกหน้ามืดหรือเป็นลมเวลาลุกจากเก้าอี้หรือลุกจากเตียง ควรลุกอย่างช้าๆ หากยังมีอาการข้างเคียงมาก ควรพบแพทย์หรือปรับขนาดยาหรือเปลี่ยนยาชนิดอื่น ส่วนอาการข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ผื่นขึ้นแดงและคันมาก เจ็บคอ มีไข้ หายใจขัด หอบ มีอาการบวมในที่ต่างๆ เช่น หนังตา ริมฝีปาก ลิ้น แขน ขา ใบหน้า ให้หยุดยาและรีบไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด

ข้อควรระวังอื่นๆ ได้แก่ ก่อนใช้ยาลดความดันโลหิต ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีโรคประจำตัวอะไรอยู่ เช่น โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน หรือรับประทานยาอะไรอยู่ก่อน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาหรืออาหารที่มีโปแตสเซียมเสริม เป็นต้น

นอกจากนี้ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ระหว่างที่รักษาด้วยยาลดความดันโลหิตและทุกครั้งที่ไปพบแพทย์โรคอื่นๆ หรือทันตแพทย์ ควรแจ้งชื่อยาลดความดันโลหิตที่ทานอยู่ให้แพทย์ทราบด้วย ที่สำคัญไม่ควรนำยาลดความดันโลหิตที่ใช้อยู่ให้คนอื่นรับประทานโดยไม่ผ่านการตรวจจากแพทย์ก่อน เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้