
สถาบันนโยบายพลังงาน (EPIC) แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกในสหรัฐ เปิดเผยรายงาน Air Quality Life Index ฉบับล่าสุด ระบุแม้ว่ามลพิษทางอากาศในจีนจะได้รับการปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น แต่มลพิษทางอากาศทั่วโลกยังคงเป็นความเสี่ยงภายนอกที่ใหญ่ที่สุดต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประเทศต่างๆ ในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งผลของปัญหามลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นมีส่วนทำให้อายุคาดเฉลี่ย (Life Expectancy) ของผู้ที่อาศัยอยู่ในเอเชียสั้นลงได้มากกว่า 5 ปี
รายงานระบุว่า ประมาณ 3 ใน 4 ของผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากมลพิษทางอากาศกระจุกตัวอยู่ที่เพียง 6 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ บังกลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน จีน ไนจีเรีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเอเชียใต้ประกอบด้วย 8 ประเทศ อันได้แก่ อัฟกานิสถาน, บังกลาเทศ, ภูฏาน, อินเดีย, มัลดีฟส์, เนปาล, ปากีสถาน และศรีลังกา โดยสาเหตุหลักมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรม รวมถึงการขยายตัวของจำนวนประชากรอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คุณภาพอากาศในเอเชียใต้ย่ำแย่ลงต่อเนื่อง
ปัจจุบันระดับฝุ่นละอองในอากาศของเอเชียใต้สูงทะลุช่วงต้นศตวรรษไปแล้วกว่า 50% ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายว่าภูมิภาคแห่งนี้อาจเผชิญกับวิกฤตด้านสุขภาพที่รุนแรงได้ในอนาคต
"ฝุ่น PM2.5 ในเอเชียใต้เพิ่มขึ้นเกือบ 10% นับตั้งแต่ปี 2556 ส่งผลให้อายุขัยเฉลี่ยของประชากรในภูมิภาคลดลงประมาณ 5 ปี นอกจากนี้ การใช้พลังงานที่เพิ่มมากขึ้นในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ยังส่งผลให้มลพิษจากฝุ่นละอองกลายเป็นภัยคุกคามด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น เทียบเท่าได้กับโรคเอชไอวี หรือโรคเอดส์ และโรคมาลาเรีย" คริสตา ฮาเซนคอปฟ์ ผู้อำนวยการของ AQLI กล่าว
การศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากดาวเทียมมาคำนวณผลกระทบจากมลพิษทางอากาศที่มีต่อชีวิตของผู้คน โดยผลการศึกษาออกมาว่า ผู้คนในบังกลาเทศซึ่งเป็นประเทศที่มีมลพิษสูงสุดในโลก มีอายุคาดเฉลี่ยของมนุษย์ลดลงมากถึง 6.8 ปีต่อคนเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก เพราะหากเทียบกับชาติที่มีปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศต่ำกว่าอย่างสหรัฐอเมริกา จะเห็นว่ามลพิษทางอากาศในสหรัฐฯ ทำให้อายุคาดเฉลี่ยของประชากรหดสั้นลงที่แค่ราว 3.6 เดือนเท่านั้น
ทางด้านอินเดีย ซึ่งเป็นชาติที่มีอัตราการก่อมลภาวะเพิ่มขึ้นให้กับโลกถึง 59% นับตั้งแต่ปี 2013 ก็เผชิญกับสถานการณ์ที่หนักหน่วง โดยในกรุงนิวเดลีซึ่งมีประชากรหนาแน่น และเป็นมหานครที่ขึ้นชื่อว่ามีมลพิษมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนั้น ปัญหาดังกล่าวทำให้อายุคาดเฉลี่ยของประชาชนลดลงมากกว่า 10 ปี
รายงานระบุว่า หากทั่วโลกสามารถลดฝุ่น PM2.5 ที่สร้างความเสียหายให้ปอดของมนุษย์ได้จนอยู่ในระดับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ หรือมีค่าเฉลี่ย PM2.5 รายปีไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็จะทำให้อายุคาดเฉลี่ยของคนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.3 ปีด้วยกัน ขณะที่ชาวเนปาลจะมีอายุยืนขึ้น 4.6 ปีเลยทีเดียว