svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

รู้จัก Post-Vacation Blues อารมณ์ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว เป็นได้ก็หายได้!!

นับถอยหลังวันหยุดยาว!! ก่อนก้าวเข้าสู่โหมดทำงาน ชวนมารู้จักกับอาการ "Post-Vacation Blues" ภาวะอารมณ์ซึมเศร้าหลังผ่านวันหยุดสุดสบาย ค้นหาสาเหตุ เช็กอาการ พร้อมศึกษาวิธีฮีลใจให้อยากกลับไปทำงานตามปกติ

ใครกำลังรู้สึกว่าวันหยุดผ่านไปไวกว่าที่คิด จิตเริ่มตก หดหู่ใจ ไม่อยากไปทำงาน อาจเป็นสัญญาณบอกว่าเรากำลังมีอาการ "Post-Vacation Blues" หรืออาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว ซึ่งไม่ใช่โรคจิตเวช แต่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยกินระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน หรือยาวไปจนถึง 3 สัปดาห์ หลังกลับจากไปเที่ยวพักผ่อน ซึ่งไม่ต้องตกใจไปเพราะภาวะเหล่านี้สามารถหายได้เอง

สำหรับ Post-vacation blues ไม่ใช่อาการเป็นที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แต่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1950s ซึ่งอาการซึมเศร้าหลังหยุดยาว แม้จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ และหายได้เอง แต่ก็กระทบชีวิตประจำวันของผู้ที่อยู่ในภาวะอาการนี้เช่นกัน ทั้งการใช้ชีวิต ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ประสิทธิภาพการทำงานหรือการเรียนลดลง

 

รู้จักอาการ Post-Vacation Blues

จากการศึกษาเกี่ยวกับอาการ Post-vacation blue หรืออารมณ์เศร้าหลังวันหยุดพักผ่อน พบว่าอาการดังกล่าวมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น Post-Holiday Blues, Post-Holiday Depression and Blues หรือหลายคนนิยามว่า "โรคขี้เกียจหลังหยุดยาว" แม้มีการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ไม่มากนัก แต่ทางจิตวิทยาบ่งชี้ว่าอารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้นหลังวันหยุดพักผ่อน (เศร้า, เหนื่อย, อยากอยู่คนเดียว, หมดแรงและไม่มีใจอยากทำงาน) มีบางลักษณะเฉพาะเหมือนกับอารมณ์เศร้าเสียใจที่เกิดจากการที่คนเราเจอเหตุการณ์เครียดในชีวิต (ผิดหวัง, สูญเสียคนรักหรือของรัก) แต่อารมณ์เศร้าเหล่านี้มักมีความเศร้าปนตึงเครียดสับสน

คำอธิบายของนักจิตวิทยาและนักวิชาการด้านสุขภาพ ในเรื่อง Post-Vacation Blues หรืออารมณ์เศร้าหลังวันหยุดพักผ่อน คือประสบการณ์ดังกล่าวเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นที่ก่อให้เกิดความเครียด (สถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนไป, กิจกรรมชีวิตที่แตกต่างไปจากชีวิตประจำวันปกติ) ที่เป็นแบบนี้เพราะร่างกายคนเราจะมีกลไกการปรับตัวที่จะเพิ่มพลังงานและอัตราการเผาผลาญของร่างกายให้สูงขึ้นเพื่อรับมือกับความเครียด เมื่อวันหยุดพักผ่อนสิ้นสุดลง พลังงานในร่างกายที่ถูกใช้ไปกับการรับมือกับชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ก็จะเกิดความอ่อนล้า จิตใจไม่สดชื่นได้

อีกคำอธิบายมีการกล่าวถึง Cognitive Bias หรืออคติทางปัญญา ที่เรียกว่าผลกระทบจากความต่าง (The Contrast Effect) ซึ่งเป็นกับดักทางความคิดที่เกิดเมื่อคนเรามีเปรียบเทียบประสบการณ์ในวันพักผ่อนกับประสบการณ์การกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริง ส่งผลให้เกิดอาการคาดหวังในวันที่ต้องกลับเข้าสู่ชีวิตประจำวันเดิมๆ ว่าต้องแย่ เมื่อคนเรามีความคิดอย่างไรแล้ว ก็มักจะแสดงพฤติกรรมต่างๆ ตามความคาดหวังไปด้วย

รู้จัก Post-Vacation Blues อารมณ์ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว เป็นได้ก็หายได้!!

ใครบ้างที่มีแนวโน้มเกิดอาการ Post-Vacation Blues

  • คนที่มีกดดันหรือเครียดในแต่ละวันสะสมอยู่ก่อนแล้ว
  • คนที่มีอารมณ์ไม่ค่อยเสถียร เหวี่ยงง่ายอยู่แล้วจากปัญหาสุขภาพ หรือมีความไม่มั่นคงทางอารมณ์สูง
  • คนที่มีประสบการณ์วันหยุดพักผ่อนที่แตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวันปกติมากๆ

 

วิธีการสังเกตอาการ Post-Vacation Blues

  • ความรู้สึกไม่สดชื่น อาจมีปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว
  • มีความกังวลเรื่องทุกอย่างจนเกินเหตุ
  • เหนื่อยง่าย พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่พอ รู้สึกหลับไม่อิ่ม
  • การจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีสมาธิ
  • หงุดหงิดง่าย
  • บางคนอาจรู้สึกจมดิ่งไปกับอารมณ์เศร้าหมอง จนอาจเกิดการตั้งคำถามว่าทำไมชีวิตเรามันช่างเบื่อจืดชืดแบบนี้ และหดหู่เป็นที่สุด

ทั้งนี้ มีประเด็นที่พึงระมัดระวัง จากรายงานของหลายการศึกษาในต่างประเทศ ระบุว่าอัตราการฆ่าตัวตายมักพุ่งสูงขึ้นภายหลังช่วงของวันหยุดพักผ่อน

 

ความเหมือนที่แตกต่างของ "Post-Vacation Blues" และ "โรคซึมเศร้า"

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างอาการ Post-Vacation Blues และโรคซึมเศร้า โดยทั่วไปอาการ Post-Vacation Blues จะไม่ทำให้คนเราสูญเสียความสามารถในการทำหน้าที่ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน (การเรียน การทำงาน การพบปะผู้คนหรือเข้าสังคม) เพียงแต่คนเราอาจรู้สึกไม่สุขสบาย ต้องพยายามรวบรวมแรงกายแรงใจเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอที่จะทำทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้ลุล่วง ส่วนโรคซึมเศร้า เปรียบเหมือนหมอกหนาที่กดทับคนเราไว้ คนเป็นโรคซึมเศร้าจะมีความยากลำบากในการทำหน้าที่ต่างๆ ในชีวิตประจำวันอย่างมากจนถึงขั้นทำไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่เคยทำได้ และส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายด้านอื่นๆ ตามมา

 

หดหู่ใจไม่เป็นไร แต่หาก “หมดไฟ” ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

ไม่ใช่แค่อาการ Post-Vacation Blues เท่านั้นที่บั่นทอนการทำงาน อีกปัญหาที่พบมากในปัจจุบันคือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้เป็นอาการป่วยที่มีผลมาจากความเครียดเรื้อรังในสถานที่ทำงาน และควรได้รับการดูแลจากแพทย์ก่อนรุนแรงและคุกคามการใช้ชีวิต ซึ่งสาเหตุมาจากการเผชิญกับความเครียดในที่ทำงานเป็นระยะเวลายาวนาน เป็นภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ ที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน วิธีสังเกตง่ายๆ คือ เหนื่อยล้า หมดพลัง ชอบคิดลบต่อความสามารถของตนเอง ขาดความเชื่อมั่นในความสำเร็จ เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานประเมินว่าเรามีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานได้ไม่เหมือนเดิม และที่พบบ่อยคือ ความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานและคนรอบข้างแย่ลง

ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งแรกที่ควรทำคือ หยุดพักเพื่อจัดการความเครียด แต่ถ้าไม่สามารถลาหยุด ควรตั้งสติ ปรึกษาคนที่ไว้ใจได้ เพื่อวางแผนจัดระบบการทำงานใหม่ และถ้าหากสัมพันธภาพของหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานคือต้นเหตุหนึ่ง เราควรโอนอ่อนผ่อนตาม เลี่ยงการเผชิญกับบุคคลที่มองโลกในแง่ร้าย เพื่อไม่ให้เราแบกความทุกข์มากจนเกินไป หากยังไม่เป็นผลเท่าไหร่ ควรปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เรารู้สึก อยากพักตลอดเวลา ไม่อยากกลับมาทำงาน หรืออยากลาออกจากงาน

รู้จัก Post-Vacation Blues อารมณ์ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว เป็นได้ก็หายได้!!

6 เทคนิคฮีลใจให้อยากกลับไปทำงาน

1. หาแรงจูงใจในการไปทำงาน

หยุดไปหลายวันจนขาดแรงจูงใจในการทำงาน วิธีแก้แบบได้ผลที่สุดก็คือ “การหาแรงจูงใจในการทำงาน” ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายความก้าวหน้าในการทำงาน การตั้งเป้าหมายผลรางวัลในการทำงาน เช่น การได้ขึ้นเงินเดือน โบนัส เป็นต้น หรือหาใครบางคนที่ทำให้การทำงานของเรามีความหมาย เช่น ใครคนนั้น หรือลูกค้า หรือผู้มารับบริการจากเรา หากเราได้พบเขา หรือทำให้เขารู้สึกดีขึ้น นั่นก็ทำให้การทำงานของเรามีความหมาย และทำให้เราอยากไปทำงานมากยิ่งขึ้น

2. การสร้างคุณค่าในการทำงาน

เมื่อเรามีแรงจูงใจที่ทำให้เรามีแรงทำงานแล้ว เทคนิคต่อมาที่นักจิตวิทยาแนะนำต่อการรับมือกับอาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว คือการสร้างคุณค่าในการทำงาน โดยการมองหาข้อดีของการทำงาน เช่น มองหาว่าใครได้รับประโยชน์จากการทำงานของเรา หรือสิ่งที่เราทำสามารถทำประโยชน์ต่อคนอื่นอย่างไร หรืองานที่เราทำ ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างไร เช่น มีทักษะเฉพาะด้านเพิ่มมากขึ้น มีความสามารถที่หลากหลายมากขึ้น มีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

3. อยู่กับปัจจุบัน

หากการติดอยู่ในอดีต ทำให้เราเป็นทุกข์ และอนาคตก็ยังมาไม่ถึง ดังนั้น เราจึงควรอยู่กับปัจจุบัน วางแผนการทำงานแบบวันต่อวัน โดยการจดลิสต์รายการที่ต้องทำในแต่ละวัน แล้วเราจะเห็นเหตุผลที่เราต้องไปทำงานในแต่ละวัน ซึ่งการทำลิสต์นี้นอกจากจะทำให้เรารู้ว่ามีอะไรที่ต้องทำบ้างแล้ว ยังทำให้เราเห้นความก้าวหน้าในการทำงานของเราอีกด้วยว่าทำอะไรเสร็จไปบ้างแล้ว

4. ลองเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน

ถ้าการทำงานในรูปแบบเดิมๆ ทำให้เราเบื่อการทำงาน ลองเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้สร้างสรรค์มากขึ้น เช่น จากเดิมเคยสรุปงานในรูปแบบตาราง ก็ลองมาทำ Infographic หรือเคยอธิบายงานด้วยคำพูด ก็ลองวาด Story bord หรือเคยประชุมงานแบบเคร่งเครียด ก็ลองเปลี่ยนรูปแบบการเสนอความคิดเห็นโดยใช้เกม หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนอกจากจะทำให้เราได้ท้าทายตัวเองแล้วยังทำให้เรารู้สึกสนุกกับการทำงาน และเกิดความคิดใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงาน

5. ทำงานเป็นทีมให้มากขึ้น

ทำงานคนเดียวมันเหงา เรามาสร้างทีมเพื่อทำงาน ได้เพื่อนคิด ได้ระดมสมอง นอกจากจะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น การทำงานหลายคนยังลดโอกาสเกิดความผิดพลาดลงอีกด้วย

6. วางแผนเที่ยวในวันหยุดครั้งต่อไป

เทคนิคในการลดอาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาวที่ได้ผลมากที่สุด คือการวางแผนเที่ยวในวันหยุดยาวครั้งต่อไป ในเมื่อเรา Move on ออกจากความสุขในวันหยุดไม่ได้ ก็ปักหมุดที่เที่ยวใหม่รอไว้เลย อาจทำให้เราเกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวย เหมือนจุดไฟในการทำงานกลับมาได้เร็วขึ้น แค่คิดถึงวันหยุดครั้งใหม่และทริปเที่ยวที่รอเราอยู่