svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

จัดลำดับ 3 กลุ่มอาหารจากงานวิจัยที่กินแล้วช่วยต้านภัยจากโรคมะเร็งลำไส้

27 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รู้แล้วรีบหามากินด่วน!! เปิดข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ‘อาหารต้านมะเร็งลำไส้’ พบ 3 กลุ่มอาหารที่ช่วยต้าน ป้องกัน และยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง

รู้หรือไม่ ? 3 ใน 10 ของคนที่เสียชีวิตจาก “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” มีสาเหตุมาจากการกินอาหารที่กระตุ้นโรคมะเร็ง

ปัจจุบัน “มะเร็งลำไส้” เกิดขึ้นได้ง่ายและมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินอาหารซึ่งไปกระตุ้นเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่จัดเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดติดอันดับ Top 5 ของโลกและในประเทศไทย 

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาหารฟาสต์ฟู้ด กากใยน้อย ประเภทปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม และของหมักดอง
  • การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
  • ขาดการออกกำลังกาย หรือนั่งอยู่กับที่นาน ๆ
  • มีปัญหาระบบขับถ่าย เช่น ลำไส้อักเสบ ท้องผูกเรื้อรัง ลำไส้แปรปรวน
  • อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป
  • มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งชนิดต่าง ๆ
  • เคยเป็นมะเร็งลำไส้ หรือเคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ชนิด Adenomatous Polyps

ข้อมูลจากงานวิจัยอาหารต้านมะเร็งลำไส้

บทความสุขภาพโรงพยาบาลสมิติเวช เผยการผลศึกษาต่างๆ ที่มีการรวบรวมจนถึงปี ค.ศ. 2014 และข้อมูลของกองทุนวิจัยโรคมะเร็งของโลกที่ในปี ค.ศ. 2011  ได้สรุปถึงเรื่องอาหารที่ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ไว้ดังนี้

จัดลำดับ 3 กลุ่มอาหารจากงานวิจัยที่กินแล้วช่วยต้านภัยจากโรคมะเร็งลำไส้

1. กลุ่มที่มีหลักฐานน่าเชื่อถือ (Convincing)

  • อาหารที่มีเส้นใยอาหาร (Dietary fiber) เช่น ผัก ผลไม้ สามารถลดความเสี่ยงได้ร้อยละ 10 เมื่อรับประทานใยอาหารเพิ่มขึ้น 10 กรัมต่อวัน เนื่องจากใยอาหารไปช่วยเพิ่มน้ำหนักอุจจาระ ช่วยเจือจางสารก่อมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ลดปริมาณไขมัน และแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ เปลี่ยนใยอาหารไปเป็นกรดไขมันสายสั้น (short-chain fatty acids) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
  • ธัญพืช (Whole grains) ซึ่งจัดเป็นกลุ่มอาหารต้านมะเร็งลำไส้ ที่มีใยอาหาร หากรับประทานวันละ 3 หน่วยบริโภค (servings) สามารถลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักลงได้ถึงร้อยละ 21 และลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ลงได้ถึงร้อยละ 16 ด้วยกลไกต้านอนุมูลอิสระ และมีเส้นใยธรรมชาติเจือจางสารพิษในลำไส้ใหญ่

จัดลำดับ 3 กลุ่มอาหารจากงานวิจัยที่กินแล้วช่วยต้านภัยจากโรคมะเร็งลำไส้

2. กลุ่มที่มีหลักฐานแสดงถึงความเป็นไปได้ (Probable)

  • แร่ธาตุแคลเซียม มีผลลดความเสี่ยงร้อยละ 8 เมื่อรับประทานแคลเซียมเพิ่มขึ้น 300 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรายงานศึกษาในคนกลุ่มใหญ่นาน 6 ถึง 16 ปี พบว่ากลุ่มที่รับประทานอาหารแคลเซียมสูง (นม ถั่วเหลือง งา ผักใบเขียว ปลากรอบ เป็นต้น) ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ลงได้ถึงร้อยละ 14 กลไกการลดความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น คือแคลเซียมจับกับกรดไขมันและกรดน้ำดีอิสระ ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ส่งเสริมการทำลายตัวเองของเซลล์ (เพื่อไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นเซลล์มะเร็ง)
  • นมวัว หรือนมธัญพืช มีผลลดความเสี่ยงร้อยละ 9 เมื่อดื่มนมเพิ่มขึ้นวันละ 200 กรัม และได้ผลสูงสุดเมื่อดื่มนม 500-800 กรัมต่อวัน (2-3 กล่องปกติ) ลดความเสี่ยงได้ถึงร้อยละ 15
  • กระเทียม ลดความเสี่ยงได้ร้อยละ 3-4 แนะนำทาน 100 กรัม (ขีด) ต่อวัน การลดความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น คือสารต้านอนุมูลอิสระในกระเทียม ลดการก่อกลายพันธุ์ ลดสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative stress) ในเซลล์ลำไส้ได้

 

จัดลำดับ 3 กลุ่มอาหารจากงานวิจัยที่กินแล้วช่วยต้านภัยจากโรคมะเร็งลำไส้

3. กลุ่มที่มีข้อมูลจำกัดแต่มีแนวโน้มที่ดี (Limited-suggestive)

  • ผักกลุ่มที่ไม่มีแป้ง (Non-starchy vegetables) เช่น กะหล่ำ บรอคโคลี่ แครอท มะเขือเทศ พริกหวาน ผักสลัดสามารถลดความเสี่ยงร้อยละ 2 เมื่อรับประทานผักเพิ่มขึ้น 100 กรัมต่อวัน แต่พิเศษที่ผักตระกูลกะหล่ำ บรอคโคลี่ อาจลดความเสี่ยงลงได้ถึงร้อยละ 16 กลไกที่คาดว่าช่วยลดความเสี่ยงคือ สารโฟเลต วิตามิน ใยอาหาร เกลือแร่ ฟลาโวนอยด์ และกลูโคซิโนเลตในกลุ่มผักตระกูลกะหล่ำปลี มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
  • อาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น เห็ด ไข่ ปลา ชีส น้ำมันตับปลา พบว่าลดความเสี่ยงได้ร้อยละ 5 เมื่อรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีเพิ่มขึ้น 100 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน กลไกที่ช่วยลดความเสี่ยง คือฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกาย

อย่างไรก็ดี เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้หลากหลาย และครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้หลากสี เพิ่มธัญพืชและถั่ว หมั่นเติมเครื่องเทศในอาหาร อาทิ  พริก ขมิ้น กระเทียม และขิง นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณลดการอักเสบ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย

 

logoline