อาการเครียดทางการเมืองคืออะไร มีลักษณะยังไง น่ากลัวมากน้อยขนาดไหน คอข่าวทุกสาย มาร่วมเช็กรายละเอียดข้อมูลที่น่าสนใจ เเละเตรียมตรวจเช็กสุขภาพจิต สุขภาพกายของเรา และคนรอบข้าง ได้ที่นี่ รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากคอข่างสายการเมือง และบรรดาคนรักสุขภาพกันครบถ้วน
โดยรายละเอียดที่น่าสนใจ อ้างอิงมาจาก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุุข ที่ได้เผยรายละเอียดที่น่าสนใจไว้
หลังการเมืองเป็นประเด็นที่มีความเห็นต่าง กระแสการเมืองช่วงหลังเลือกตั้ง 66 กำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ ในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผ่านพ้นศึกเลือกตั้ง 2566 ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งก็คือพรรคก้าวไกล และมีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลโดยชอบธรรม อย่างไรก็ดี ไล่เรียงมาจวบ จนถึงปัจจุบันการจัดตั้งรัฐบาลก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สะเด็ดน้ำ จนทำให้ประชาชนที่ความคิดเห็นต่างกันมีวิวาทะต่อกัน แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความเครียด และทำให้หลายคนไม่สบายอกไม่สบายใจ หรือในทางวิชาการเรียกกันว่า "อาการเครียดทางการเมือง"
ได้เวลาดีๆ ที่ เนชั่นออนไลน์ จะชวนคอข่าวที่รัก ไปรู้จักกับ อาการเครียดทางการเมือง ว่าคืออะไร อาการเป็นอย่างไร
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงอาการเครียดจากการเมือง Political Stress Syndrome : PSS
อาการเครียดจากการเมืองไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต
แต่เป็นเรื่องของอารมณ์และจิตใจ
ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมือง
จนทำให้มีอาการทางกาย จิตใจ และกระทบต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น
แม้การเลือกตั้งจะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปจากการเลือกตั้งที่ชัดเจน เราทุกคนอาจหลีกเลี่ยงประเด็นร้อนๆ ทางการเมืองไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย ในครอบครัว เพื่อน ที่ทำงาน บางครั้งก็อาจจะหนีไม่พ้นจากประเด็นการถกเถียงเรื่องการเมืองและอาจจะกลายเป็น "อาการเครียดจากการเมือง" ก็เป็นไปได้ !!
รู้จัก รู้ทัน "อาการเครียดจากการเมือง" (Political Stress Syndrome : PSS)
ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็นปฏิกิริยาของอารณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมือง ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือเอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้มีอาการทางกาย จิตใจ และกระทบต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น มีลักษณะสำคัญ 3 ข้อ
ลักษณะอาการของ Political Stress Syndrome
1.อาการทางกาย ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตึงบริเวณขมับ ต้นคอ หรือตามแขนขา นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือหลับแล้วตื่นกลางคืนไม่สามารถหลับต่อได้ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติทั้งที่อยู่ในสภาพปกติ หายใจไม่อิ่ม อึดอัดในช่องท้อง แน่นท้อง ปวดท้อง อึดอัดในช่องท้อง ชาตามร่างกาย
2.อาการทางใจ ได้แก่ อาการวิตกกังวล ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง รู้สึกไม่มีทางออก สมาธิไม่ดี ฟุ้งซ่านหรือหมกมุ่นมากเกินไป
3.ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น ได้แก่ การโต้เถียงกันกับผู้อื่น หรือแม้แต่บุคคลในครอบครัวโดยใช้อารมณ์ตั้งแต่ปานกลาง ถึงรุนแรง โดยไม่สามารถยับยั้งตนเองได้ มีความคิดที่จะตอบโต้โดยใช้กำลังในการเอาชนะ มีการลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อตอบโต้ มีการเอาชนะทางความคิดกับคนที่เคยมีสัมพันธภาพที่ดีมาก่อนจนทำให้เกิดปัญหาด้านสัมพันธภาพอย่างรุนแรง
หลีกเลี่ยงด้วยการมีสติ
หากมีอาการเหล่านี้ในทั้ง 3 กลุ่มอาการ แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้
จิตแพทย์แนะนำว่า ไม่ควรบริโภคข่าวสารเกินกว่า 40 นาทีต่อวัน เพราะจะทำให้เกิดภาวะความกดดัน เกิดความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่อง เมื่อดูข่าวการเมืองแล้วควรหันไปดูรายการอื่น ๆ สารคดี ละคร ที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์เพื่อให้สภาวะอารมณ์คงที่ คนที่ดูข่าวสารความรุนแรงวันละ 24 ชั่วโมงจะทำให้สมองถูกล้าง และ ทำให้เกิดความเคียดแค้น วิตกกังวล ตลอดจนฮึกเหิม ก้าวร้าวรุนแรง ทำให้มีอาการทางจิตเกิดขึ้นได้ง่าย
ผู้ปกครองไม่ควรจะให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพข่าวทางการเมืองโดยเฉพาะเหตุการณ์รุนแรงจากการปะทะที่เกิดขึ้น เพราะยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เข้าสู่วัยรุ่นสภาพจิตใจอ่อนไหวง่าย ดังนั้นเมื่อเด็กเห็นภาพต่าง ๆ ก็จะจดจำเก็บไว้เป็นประสบการณ์ฝังใจ จนกลายเป็นเด็กก้าวร้าวและมีความรุนแรงทางอารมณ์ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในช่วงรับฟังข่าวสารกันอย่างมีสติและไตร่ตรอง ด้วยความปรารถนาดี
ขอขอบบคุณที่มา : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข