9 พฤษภาคม 2566 ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า แม้องค์การอนามัยโลกจะออกประกาศยกเลิกให้โรคโควิด 19 เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ทำให้ประชากรทั่วโลกสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่โรคโควิดยังคงมีอยู่เหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ คือ เมื่อถึงช่วงหนึ่งที่ภูมิคุ้มกันในคนลดลงจะทำให้มีการระบาดเพิ่มขึ้น แต่จะไม่มีการระบาดใหญ่เหมือนที่ผ่านมา ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับมาตรการรองรับ โดยการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี
พร้อมทั้ง เฝ้าระวังการระบาดในคนและการกลายพันธุ์ของเชื้อ โดยรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิด 19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันก่อนเข้าหน้าฝนที่จะมีการระบาดของทั้ง 2 โรค ซึ่งหลังดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นยังไม่พบผลข้างเคียงของการรับวัคซีนคู่ ดังนั้น ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับบริการได้ตามความสมัครใจ โดยจะรับวัคซีนอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน หรือจะรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันก็ได้
“ช่วงเปิดเทอม เป็นสถานการณ์หนึ่งที่มีความเสี่ยงจะเกิดการระบาดของโรคทางเดินหายใจได้ เนื่องจากมีการรวมตัวของเด็กนักเรียน มาตรการสำคัญจึงเป็นเรื่องของการเฝ้าระวัง โดยหากเด็กมีอาการป่วย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน หากอาการไม่ดีขึ้นให้พาไปพบแพทย์ รวมถึงพาเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตามกำหนด ส่วนโรงเรียนหากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือมีความผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในสถานศึกษา” นายแพทย์โอภาสกล่าว
วัคซีน COVID-19 คืออะไร ?
วัคซีนป้องกันโควิด-19 จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้ขึ้นมา ช่วยป้องกันการติดเชื้อหากได้รับเชื้อในอนาคต แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งหลังฉีดวัคซีนร่างกายจึงจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ การฉีดวัคซีนผู้รับวัคซีนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างทางสังคม เป็นต้น
โดยกำหนดเป้าหมายไว้ 3 กลุ่มหลัก เพื่อให้หน่วยงานแยกกันบริหารจัดการวัคซีนที่รับมาจากสต็อกกลางของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
• กลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค สธ. รับผิดชอบ
• กลุ่มเอกชนเพื่อเปิดเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงแรงงาน รับผิดชอบ
• กลุ่มประชาชนทั่วไป ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดรับผิดชอบ
ก่อนฉีดวัคซีนโควิด 19 ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
สำหรับผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว
ได้แก่ โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรังระยะ 5 โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน (น้ำหนัก >100 กิโลกรัม หรือ BMI >35) ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน
8 ข้อต้องแจ้ง ก่อนฉีดวัคซีน
สิ่งที่ต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน ได้แก่
ทั้งนี้หากท่านสมาชิกมีอาการดังต่อไปนี้ หลังได้รับวัคซีน รีบไปพบแพทย์ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทร 1669 เพื่อรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน
• ไข้สูง
• หนาวสั่น
• ปวดศีรษะรุนแรง
• เหนื่อยแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือ หายใจไม่ออก
• อาเจียน มากกว่า 5 ครั้ง
• ผื่นขึ้นทั้งตัว ผิวหนังลอก
• มีจุดจ้ำเลือดออกจํานวนมาก
• ใบหน้าเบี้ยว หรือ ปากเบี้ยว
• แขนขาอ่อนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถทรงตัวได้
• ต่อมน้ําเหลืองโต
• ชัก หรือหมดสติ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.bangkokhospital.com , www.praram9.com , www.synphaet.co.th