
หยิบยกบทความสาระเชิงสุขภาพ มาทักทายกันในตอนเช้าแบบนี้ โดย "คุณหมอจิรรุจน์" ได้เปิดเผยถึง ปัญหาของการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว พร้อมชวนคนรักสุขภาพทำความรู้จัก "กรดไขมันอิ่มตัว" มีความจำเป็น มีความสำคัญต่อร่างกายคนเรามากน้อยสักขนาดไหน ควรบริโภคอย่างไร ไขทุกข้อสงสัย พร้อมตอบทุกคำถามคาได้ตรงนี้
ชวนคนรักสุขภาพ มาทำความรู้จัก "กรดไขมันอิ่มตัว"
กรดไขมันอิ่มตัว : Saturated fatty acid คือไขมันที่เป็นไขมันเต็มตัว เช่น ไขมันโคเลสเตอรอล ไขมันไตรกลีเซอไรด์ พบได้ในไขมันสัตว์ เนื้อหมู เนื้อวัว ไขมันจากกะทิ มะพร้าว เนย ไข่แดง
เมื่อบริโภคไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก ไขมันจะไปสะสมในเซลล์ไขมันทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
อย่างไรก็ตาม ไขมันอิ่มตัวก็ยังมีความจำเป็นต่อร่างกาย เพียงแต่ต้องบริโภคในปริมาณที่จำกัด
นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jiraruj Praise โดยมีข้อความระบุว่า
ไขมันอิ่มตัว (saturated fat) ประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัว
ซึ่งโครงสร้างจะประกอบไปด้วย สายของ คาร์บอน -ไฮโดรเจน และ คาร์บอกซิลกรุ๊ป ซึ่ง คาร์บอน-ไฮโดรเจน
นพ.จิรรุจน์ ได้อธิบายไว้ว่า ทั้งหมดเกาะกันด้วยพันธะเดี่ยวทั้งหมด ไม่เหลือ พันธะคู่ใดๆ ให้มีการบิดงอของไฮโดรเจนอะตอม จนเกิดโครงสร้างทรานส์ (trans-) ขึ้นมา
ดังนั้น อาหารไขมันอิ่มตัวตามธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์เนยแท้ นม ชีส โกโก้ (100%) หรือ ไขมันจากเนื้อสัตว์ จึงเป็นไขัมนอิ่มตัวตามธรรมชาติ ที่ร่างกายของเรารู้จัก และสามารถจัดการกับมันได้
นพ.จิรรุจน์ ยังบอกอีกว่า ไขมันอิ่มตัวยังมีโอกาสถูกทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น จากอนุมูลอิสระในร่างกายได้น้อยกว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัว เนื่องจากชั้นอิ่มด้วย ไฮโดรเจนหมดแล้ว ไม่เหลือพันธะคู่จะไปยุ่งกะใครอีก ซึ่งนั่นน่าจะเป็นข้อได้เปรียบของอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวดังกล่าว
ปัญหาของการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว น่าจะไปอยู่ที่เรื่องของ "การปรุงอาหาร" มากกว่าเช่น หมูสามชั้นเอาไปทอดน้ำมันพืชร้อนๆซ้ำๆ คอหมูย่างแต่เอาไปผัดน้ำมันพืชไฟร้อนฉ่า ซึ่งการใช้ความร้อนสูง และน้ำมันไม่อิ่มตัวมาปรุง คือตัวหลักที่ทำเราได้น้ำมันทรานส์
การบริโภคอาหารไขมันร่วมกับแป้งน้ำตาลปริมาณมากพร้อมกัน อย่างที่พบในอาหารฟาสต์ฟู้ด ทั้งหลาย อันนี้ก็ส่งผลไม่ดีกับร่างกายได้ โดยไม่ต้องอ้างอิง งานวิจัยใดๆ
ขอขอบคุณที่มา: เพจหมอริรรุจน์ มา ณ โอกาสนี้