svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

เปิดคุณประโยชน์กินอาหารเป็นยาในเมนู “แกงส้ม”

06 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

#saveแกงส้ม ถ้าคนไทยโหวตจะได้อันดับที่เท่าไหร่? เปิดคุณประโยชน์กินอาหารเป็นยาในเมนู “แกงส้ม”ตำรับไทยไขมันต่ำ ไฟเบอร์สูง

อาหารไทย นับว่ามีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีความหลากหลายด้วยลักษณะพิเศษของภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เปรียบดั่ง “อู่ข้าวอู่น้ำ” เสมือนแหล่งรวมวัตถุดิบในการทำอาหารอันหลากหลายที่หาได้ตลอดทั้งปี

แม้ TasteAtlas เว็บไซต์ด้านท่องเที่ยวชื่อดังจะเปิดเผยรายการอาหารยอดแย่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดอันดับในเดือนกุมภาพันธ์ ให้เมนู “แกงส้ม” ของประเทศไทย ติดอันดับที่ 12 โดยมีการโหวตให้เมนูนี้มีคะแนน 2.3 เต็ม 5 เท่านั้น เรื่องนี้กลับค้านความรู้สึกชาวเน็ตและคนไทยที่หลงใหลในรสชาติของเมนูดังกล่าว จนเกิดเป็นแทชแท็ก #saveแกงส้ม ขึ้นในที่สุด

เปิดคุณประโยชน์กินอาหารเป็นยาในเมนู “แกงส้ม” เมนูแกงส้ม ร้าน Thonglor Thai Cuisine

อาหารไทย อาหารสุขภาพ

สำหรับเมนู “แกงส้ม” ในรสสัมผัสของคนไทยต่างเป็นอะไรที่คุ้นเคย และเป็นอาหารที่นิยมกินกันทุกภาค โดยแต่ละภาคจะมีส่วนผสมและรสชาติที่แตกต่างกันตามความชอบ เช่น ภาคใต้จะมีรสเผ็ดร้อนนำและเปรี้ยวตาม ส่วนภาคกลางรสชาติของแกงส้มจะมีรสเผ็ดเล็กน้อย มีรสเปรี้ยวนำ เค็มและหวานตาม เพิ่มประโยชน์ด้านโภชนาการด้วยโปรตีนจากปลา หรือกุ้ง ตามความชอบ กินกับข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมไข่เจียวคู่ตุนาหงันที่อร่อยเข้ากันสุดๆ

นอกจากความอร่อยแล้ว อาหารไทยยังถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ส่วนประกอบต่างๆ ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น ซึ่ง "แกงส้ม" เป็นแกงไม่ใส่กะทิ มีไขมันต่ำ มีเส้นใยหรือกากอาหารสูง ทั้งยังมีสมุนไพรในพริกแกงที่มีคุณสมบัติเป็นยา นับว่าเป็นอาหารที่เหมาะสมในการส่งเสริมสุขภาพ จนครั้งหนึ่ง World Cancer Research Fund องค์กรในสหราชอาณาจักร ได้แนะนำว่าอาหารที่คนในสหราชอาณาจักรควรเลือกกินเมื่อไปกินอาหารนอกบ้านคือ อาหารจาก 4 ประเทศได้แก่ อาหารจีน อาหารอินเดีย อาหารอิตาลี และอาหารไทย เพราะจัดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

 

"แกงส้ม" อาหารเพื่อสุขภาพ กินดี มีประโยชน์

แกงส้ม เป็นอาหารที่นิยมกินกันทุกภาค เนื่องจากหากินได้ง่าย และจัดว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้ เพราะไม่มีส่วนผสมของกะทิ สามารถใส่ผักได้หลายชนิด จะใส่ผักชนิดเดียวหรือผักหลายชนิดรวมกันก็ได้ สมัยก่อนนิยมใช้ผักชนิดเดียว แต่ในปัจจุบันนิยมใช้ผักหลายชนิดมารวมกัน เนื่องจากผักหลายชนิดทำให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน และทำให้รสชาติของน้ำแกงอร่อยขึ้น ผักที่นิยมใช้ เช่น มะละกอ ผักกาดขาว ดอกแค แตงโมอ่อน ผักบุ้ง ผักกระเฉด หรือจะเป็นชะอมชุบไข่ เนื้อสัตว์ที่นิยมใช้ คือปลาและกุ้ง ส่วนหนึ่งของเนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงจะนำมาโขลกปนกับเครื่องแกงที่ประกอบด้วย  พริกแห้ง หอมแดง กะปิ ถ้าจะให้มีรสเผ็ดเพิ่มขึ้น อาจใช้พริกขี้หนูสดสีแดง หรือพริกชี้ฟ้าแดงแทนพริกแห้งก็ได้ 

เปิดคุณประโยชน์กินอาหารเป็นยาในเมนู “แกงส้ม”

กินอาหารเป็นยา

พริกแกงส้ม : พริกมีสารไบโอเฟลโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านออกซิเดชั่น ซึ่งอาจจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ เป็นสมุนไพรช่วยขับเหงื่อ ช่วยย่อย บรรเทาอาการไข้หวัด ลดการอุดตันของหลอดเลือด การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

ปลากะพง : เนื้อปลาแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม ย่อยง่าย  ไขมันต่ำ มีโอเมก้า และ DHA ซึ่งช่วยในเรื่องการบำรุงสมอง ปลากะพง จัดว่าเป็นปลาที่มีไขมันต่ำเมื่อเทียบกับปลาทะเลชนิดอื่นๆ  คือมีไขมันเพียง 2-4 กรัม ต่อเนื้อปลา 1 ขีด แต่มีโอเมก้า 3 มากเมื่อเทียบกับปลาทะเลด้วยกัน ซึ่งปกติโอเมก้า 3 จะมีอยู่มากในปลาทะเลน้ำลึกที่ราคาค่อนข้างสูง ดังนั้ เราสามารถเลือกทานปลากะพงแทนได้ในราคาไม่แพงและได้รับสารอาหารได้เหมือนเลยทีเดียว

คุณค่าโภชนาการของแกงส้ม

เทียบคุณค่าโภชนาการของแกงส้มผักรวมกุ้งสด เมื่อกินกับข้าวสวย 1 จาน ให้พลังงานเพียง 464 กิโลแคลอรี ซึ่งให้พลังงานน้อยกว่า 1 ใน 3 สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 1,600 กิโลแคลอรี ได้แก่ เด็ก หญิงวัยทำงาน และผู้สูงอายุ อาหารจานนี้มีการกระจายพลังงานค่อนข้างดี ให้ไขมันน้อยมาก คิดเป็นประมาณร้อยละ 10 ของปริมาณที่แนะนำให้กินใน 1 วันเท่านั้น (แนะนำเฉลี่ยวันละ 60 กรัม) และให้โปรตีนสูง คิดเป็นร้อยละ 46 (แนะนำเฉลี่ยวันละ 50 กรัม) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโปรตีนที่มาจากเนื้อกุ้งและเนื้อปลา ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดี ให้กรดอะมิโนครบถ้วน

เมื่อดูคุณค่าโภชนาการอื่นๆ พบว่า แกงส้มผักรวมกุ้งสดพร้อมข้าวสวยให้เส้นใยอาหารค่อนข้างสูง คิดเป็นประมาณร้อยละ 27 ของปริมาณที่แนะนำให้กินใน 1 วัน (แนะนำเฉลี่ยวันละ 25 กรัม) ให้แคลเซียมและเหล็กพอควร โดยให้แคลเซียมร้อยละ 30 และเหล็กร้อยละ 36 ของปริมาณที่แนะนำให้กินใน 1 วัน (แนะนำแคลเซียมเฉลี่ยวันละ 800 มิลลิกรัม และเหล็กเฉลี่ยวันละ 15 มิลลิกรัม) โดยแคลเซียมและเหล็กส่วนหนึ่งมาจากผักที่ใส่ในแกงส้ม ซึ่งแคลเซียมและเหล็กที่มีอยู่ในพืชผัก จะมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เพียงบางส่วน โดยเฉพาะเหล็กในพืชผักจะมีการดูดซึมได้เพียงร้อยละ 3-5 เท่านั้น 

นอกจากนี้ แกงส้มผักรวมกุ้งสดยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี และบีตาแคโรทีน ซึ่งหน้าที่อย่างหนึ่งของสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้ คือการทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆ ออกจากร่างกาย ซึ่งอนุมูลอิสระอาจมาจากกระบวนการทางชีวเคมีของการทำงานของร่างกายเอง หรืออาจมาจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเรา เช่น สารพิษจากควันท่อไอเสีย ควันบุหรี่ รังสียูวีจากแสงแดด เป็นต้น โดยปกติร่างกายคนเราจะมีการผลิตสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อกำจัดพวกอนุมูลอิสระต่างๆ ออกจากร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้น การสร้างสารต้านอนุมูลอิสระจะลดลง เราจึงควรกินสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติเข้าไปทดแทน โดยเฉพาะพวกพืชผักและผลไม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง 

สำหรับแกงส้มผักรวมกุ้งสด สารต้านอนุมูลอิสระจะมาจากพืชผัก สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนประกอบนั่นเอง โดยแกงส้มผักรวมกุ้งสด ให้วิตามินซีคิดเป็นร้อยละ 90 ของปริมาณที่แนะนำให้กินใน 1 วัน (แนะนำเฉลี่ยวันละ 60 มิลลิกรัม) และให้บีตาแคโรทีน 732 ไมโครกรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค 

เปิดคุณประโยชน์กินอาหารเป็นยาในเมนู “แกงส้ม”

อย่างไรก็ตาม ทั้งวิตามินซีและบีตาแคโรทีน ซึ่งมีอยู่ในผักที่ใช้อาจถูกทำลายไปบ้างจากความร้อนในการต้ม ดั้งนั้น เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการจึงไม่ควรใช้เวลาในการต้มผักนานเกินไปและควรกินทันทีหลังปรุงเสร็จใหม่ๆ สำหรับอาหารจานนี้มีโซเดียมในปริมาณพอควร เนื่องจากมีการใส่เกลือ กะปิ และน้ำปลา โดยคิดเป็นร้อยละ 46 ของปริมาณที่แนะนำให้กิน คือควรได้รับไม่เกินวันละ 2,400 มิลลิกรัม ส่วนคอเลสเตอรอลซึ่งส่วนใหญ่มาจากเนื้อกุ้ง มีประมาณ 130 มิลลิกรัม หรือคิดเป็นร้อยละ 44 (ไม่ควรกินเกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน) ดังนั้น ผู้ที่ต้องระวังเรื่องคอเลสเตอรอลอาจใช้เนื้อปลาที่หั่นเป็นชิ้นแทนการใช้กุ้งก็ได้

 

logoline