นายแพทย์โชติรัตน์ บุณยเกียรติ สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท อธิบายเรื่องผู้ชายช่วยตัวเอง ลดเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากจริงหรือ? โดยอิงจากงานวิจัยหลายชิ้น บ่งชี้ว่าการหลั่งบ่อยขึ้นไม่ว่าจะระหว่างการมีเพศสัมพันธ์หรือการช่วยตัวเอง อาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้
โดยมีการศึกษาในปี 2016 พบว่า ผู้ชายที่หลั่งออกมาอย่างน้อย 21 ครั้งต่อเดือน ลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับผู้ชายที่หลั่งเพียง 4-7 ครั้งต่อเดือน
การมีเพศสัมพันธ์หรือการช่วยตัวเอง ส่งผลต่อต่อมลูกหมากอย่างไร?
คุณหมอให้ความรู้ว่า ต่อมลูกหมากเป็นส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย อยู่ที่จุดเชื่อมต่อของระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ ซึ่งช่วยกำหนดเส้นทางของสเปิร์มในการหลั่งอสุจิ โดยพุ่งออกมาในท่อปัสสาวะ
ดังนั้น เมื่อสารก่อมะเร็งตามธรรมชาติถูกสร้างขึ้นในต่อมลูกหมาก จะสะสมเป็นความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ดังนั้น การพุ่งออกมาของอสุจิอาจช่วยกวาดล้างสารก่อมะเร็งที่อาจเป็นอันตรายเหล่านี้ และลดความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยมีการยืนยันจากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2018 ซึ่งพบความเชื่อมโยงทางชีววิทยาระหว่างการหลั่งบ่อยครั้งและการพัฒนาของเนื้องอกต่อมลูกหมาก
อย่างไรก็ตาม การหลั่งบ่อยๆ ไม่สามารถช่วยชะลอการขยายตัวของต่อมลูกหมากหรือต่อมลูกหมากโต (BPH) ที่เกิดขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้นได้
S-E-X กับประโยชน์ด้านสุขภาพ
นอกจากการมีเพศสัมพันธ์และการหลั่งจะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ก็นับว่าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่า 100 แคลอรี ส่งผลดีต่อร่างกายและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ทั้งนี้ ระหว่างการหลั่ง ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนโดปามีน (Dopamine) ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลาย
การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง มีระดับแอนติบอดีที่ป้องกันการเจ็บป่วยสูงขึ้น รวมถึงสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ที่ปล่อยออกมาระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทำหน้าที่เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติ อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและไมเกรนได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : นายแพทย์โชติรัตน์ บุณยเกียรติ สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท