svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

ฟังจากหมอ! 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนยังเข้าใจผิด

25 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สารพัดความเชื่อเกี่ยวกับ "โรคเบาหวาน" การกินอาหารรสหวานมากๆ ทำให้เป็นเบาหวาน หรือเป็นเบาหวานต้องงดของหวานโดยเด็ดขาด สรุปแล้วความเชื่อเหล่านี้จะใช่ความจริงหรือไม่ หรือเราแค่เข้าใจผิดกันไปเอง นี่คือคำอธิบายจากคุณหมอด้านโรคเบาหวาน

ไขคำตอบจากคำถามคาใจเรื่อง "เบาหวาน" จากข้อมูลโดย แพทย์หญิงอยุทธินี สิงหโกวินท์ แพทย์หัวหน้าศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท 2 ที่อธิบาย 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนอาจยังเข้าใจผิด ไว้ดังนี้

ฟังจากหมอ! 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนยังเข้าใจผิด

ความเชื่อที่ 1 รับประทานอาหารที่มีรสหวานมากจะทำให้เป็นเบาหวาน จริงหรือไม่?

ด้วยชื่อของโรคเบาหวาน ทำให้หลายคนมีความเข้าใจผิดว่าโรคเบาหวาน ก็คือโรคของคนที่กินอาหารหวานมาก ดังนั้นคนที่ไม่กินหวานก็จะไม่เป็นโรคเบาหวาน!

ซึ่งความจริงแล้วสาเหตุหลัก ๆ ของโรคเบาหวาน ก็คือการที่ร่างกายสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอ อินซูลินมีหน้าที่สำคัญในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าร่างกายของเราผลิตฮอร์โมนตัวนี้ได้เป็นปกติ ไม่ว่าจะรับประทานอาหารหวานสักแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้เกิดโรคเบาหวาน  เพียงแต่จะส่งผลต่อน้ำหนักตัว เพราะน้ำหนักที่มาก ปริมาณไขมันจะเป็นตัวทำให้เซลล์ต่างๆ เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และเกิดโรคเบาหวานในที่สุด 

สรุปก็คือ...

  • การรับประทานอาหารรสหวานจัดหรือมีน้ำตาลมากไม่ได้แปลว่าจะเป็นโรคเบาหวานเสมอไป หากมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
  • โรคเบาหวานอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือการทำงานที่ผิดปกติของตับอ่อนทำให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินออกมาเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันมากก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เพราะไขมันอิ่มตัวมีผลต่อการออกฤทธิ์ของอินซูลิน ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร

ความเชื่อที่ 2 เป็นเบาหวาน ห้ามอาหารที่มีรสหวานเด็ดขาด จริงหรือไม่?

เนื่องจากโรคเบาหวานเป็นโรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง   ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลายคนเข้าใจว่าการงดอาหารทุกประเภทที่มีรสหวาน หรือน้ำตาลเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยเฉพาะขนมหวาน น้ำหวานทั้งหลาย จะทำให้ปลอดภัยจากโรคเบาหวานได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเข้าใจดังกล่าวไม่ถูกต้องทั้งหมด เนื่องจากนอกจากแป้งและน้ำตาลจะเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานแล้ว เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดงที่มีไขมันมาก และอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เนื่องจากไขมันอิ่มตัวจะไปยับยั้งอินซูลินให้ออกฤทธิ์ได้น้อยลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ลด ตับอ่อนจึงต้องผลิตอินซูลินออกมาเพิ่มมากกว่าปกติ ส่งผลให้ตับอ่อนทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ดีเท่าตอนที่ยังทำงานปกติ จึงทำให้เกิดโรคเบาหวาน

ฟังจากหมอ! 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนยังเข้าใจผิด

ความเชื่อที่ 3 เบาหวาน เป็นโรคพันธุกรรม ถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกหลานได้

บางคนเข้าใจว่าถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคเบาหวาน ลูกก็ต้องป่วยด้วยโรคนี้เช่นกัน แม้ว่าโรคเบาหวานจะสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่ลูกไม่ได้มีโอกาสเป็นเบาหวาน 100% เสมอไป พันธุกรรมไม่ได้มีส่วนก่อโรคเบาหวานมากเท่าไร เพราะคนเป็นเบาหวานส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยอื่นๆ มากกว่า เบาหวานสามารถป้องกันได้หากดูแลสุขภาพให้ดี ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ มีการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพประจำปี เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้

ความเชื่อที่ 4 หากคนในครอบครัวไม่เป็นโรคเบาหวาน เราก็จะไม่เป็นเบาหวาน

พันธุกรรมเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน หากเรามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงเป็นประจำ ปล่อยให้น้ำหนักตัวมาก พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลังกาย มีความเครียดสะสมมากนานเข้าก็ก่อให้เกิดโรคเบาหวานได้เช่นกัน

ฟังจากหมอ! 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนยังเข้าใจผิด

ความเชื่อที่ 5 ผู้สูงอายุเท่านั้นที่จะเป็นเบาหวาน

แม้พบว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น  อวัยวะต่างๆ เริ่มเสื่อมการทำงานลง พบภาวะเบาหวานมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ ไม่ได้เป็นเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น

  • เบาหวานประเภทที่ 1 ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กหรือคนอายุน้อย
  • เบาหวานประเภทที่ 2 ส่วนใหญ่มักเกิดในคนอายุ 45 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันเริ่มพบว่าคนอายุน้อยก็เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ด้วย

ความเชื่อที่ 6 คนที่เป็นเบาหวานต้องอ้วน

เบาหวานเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง การไม่ออกกำลังกาย มีภาวะเครียดบ่อยๆ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น  เพราะฉะนั้นไม่ว่าคนจะมีรูปร่างอ้วนหรือผอมก็มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ทั้งนั้น  ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก จะมีการเสียน้ำตาลไปทางปัสสาวะมาก จะมีปัญหาน้ำหนักลดและผอมแบบทรุดโทรม

ฟังจากหมอ! 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนยังเข้าใจผิด

ความเชื่อที่ 7 น้ำตาลจากผลไม้ คือน้ำตาลที่ปลอดภัย

ผู้ป่วยเบาหวานหลายคนต้องงดขนมหวาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้เพิ่มขึ้นด้วยเหตุนี้ ผลไม้จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะใครๆ ต่างก็คิดว่าผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นสิ่งที่มาจากธรรมชาติ

แต่ในความเป็นจริงพฤติกรรมการกินผลไม้ของผู้ป่วยเบาหวานกลับกลายเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม เนื่องจากในผลไม้มีน้ำตาลฟรุกโทส (Fructose) ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถกินผลไม้ได้  เพียงแค่เรารู้จักปรับวิธีกินให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมเท่านั้น

ความเชื่อที่ 8 เป็นเบาหวานห้ามบริจาคเลือด

ผู้เป็นโรคเบาหวานสามารถบริจาคเลือดได้ หากมีการควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และไม่มีภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ

ฟังจากหมอ! 10 ความเชื่อเกี่ยวกับโรคเบาหวาน...ที่หลายคนยังเข้าใจผิด

ความเชื่อที่ 9 ถ้าเป็นเบาหวานต้องฉีดอินซูลิน แสดงว่าเข้าขั้นสุดท้ายแล้ว

การรักษาเบาหวานประเภทที่ 2 การรักษาโรคเบาหวาน มีเป้าหมายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน กรณีที่ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ใช้ยารับประทานแล้วยังไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลได้ จึงจำเป็นต้องใช้ยาฉีดอินซูลินร่วมด้วย ส่วนเบาหวานประเภทที่ 1 เนื่องจากสาเหตุของพันธุกรรม ระบบภูมิคุ้มกัน มีผลให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ จึงต้องรักษาโดยการให้อินซูลินเป็นหลัก

ความเชื่อที่ 10 แป้งและน้ำตาลเท่านั้นที่ทำให้เป็นเบาหวาน

เนื่องจากโรคนี้มีชื่อว่า “เบาหวาน” ทำให้หลายคนเข้าใจว่า ปัจจัยก่อโรคเกิดจากการกินแป้งหรือน้ำตาลเป็นหลัก แต่จากการศึกษาพบว่านอกจากแป้งและน้ำตาลแล้ว ไขมันอิ่มตัวก็เป็นอีกตัวการหนึ่งที่ก่อโรคเบาหวาน เพราะไขมันอิ่มตัวจะไปยับยั้งให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้น้อยลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ช้า และเมื่อน้ำตาลไม่ลด ตับอ่อนจึงต้องผลิตอินซูลินออกมาเพิ่มเกินกว่าปกติ เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เหมือนปกติ ซึ่งจะนำไปสู่โรคเบาหวานในที่สุด

ผู้ป่วยเบาหวานและคนดูแลควรมีการศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เช่น สืบค้นข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ พร้อมทั้งเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ

 

 

source : โรงพยาบาลพญาไท

logoline