
เล็บ (nails) คือชั้นของหนังกำพร้าที่ตายแล้ว ซึ่งเลื่อนจากชั้นล่างขึ้นมาอัดกันแน่นเป็นชั้นๆ กลายเป็นแผ่นแข็งที่อยู่บริเวณด้านหลังของปลายนิ้วปล้องสุดท้าย มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งและค่อนข้างโปร่งแสง สามารถอ่อนตัวได้ ไม่มีหลอดเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยง ทำให้เวลาตัดเล็บจึงไม่รู้สึกเจ็บ เล็บประกอบไปด้วยโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เคราติน” ซึ่งจะแข็งแรงมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเซลล์มีชีวิตบริเวณโคนเล็บที่เรียกว่า Matrix โดยหากร่างกายได้รับสารอาหารหลักที่จำเป็นในการสร้างเล็บที่เพียงพอก็ย่อมทำให้เล็บมีความแข็งแรง ซึ่งสารเหล่านี้ ได้แก่ โปรตีน ฟอสฟอรัส และแคลเซียม เป็นต้น
หน้าที่สำคัญของเล็บ คือการเป็นปราการป้องกันอันตรายที่จะเกิดต่อนิ้วส่วนปลาย รับความรู้สึก ทำให้ระบบ Tactile discrimination ดีขึ้น เล็บของนิ้วมือทำให้เราสามารถหยิบจับสิ่งของได้ดี โดยเฉพาะสิ่งของที่มีขนาดเล็ก ส่วนเล็บนิ้วเท้ายังช่วยให้การเคลื่อนไหวของเท้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บทบาทหน้าที่ของเล็บที่สำคัญคือการเป็นแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น
เล็บที่ดีมีลักษณะอย่างไร
ลักษณะของเล็บที่ดีจะต้องมีสีชมพูจางๆ จากสีผิวของเนื้อข้างใต้เล็บ มีพื้นผิวที่เรียบ ผิวหนังรอบเล็บมีความแข็งแรงไม่ถอยร่น และเล็บมีความหนาไม่มากไปและไม่น้อยจนเกินไป แสดงถึงหลอดเลือดที่ดี ระบบไหลเวียนที่ดี หากผิดปกติไปจากนี้แสดงว่า เล็บผิดปกติ เช่น ลักษณะเหล่านี้จะบ่งบอกโรคทางอายุรกรรม และโดยปกติเซลล์ที่ตายไปแล้วจะไปสามารถหลุดลอกเองได้ เราต้องตัดถึงจะหลุดออกไป แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความผิดปกติของเซลล์ที่สร้างเล็บก็จะทำให้เกิดความผิดปกติของเล็บ ซึ่งจะเราจะเห็นสัญญาณต่างๆ ที่บ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของเรา
ความผิดปกติของเล็บบ่งบอกอะไรได้บ้าง
เล็บมีสีขาวดอกเล็บ พบบ่อยในเด็ก อาจจะมาจากการขาดสารอาหารบางอย่างหรือภาวะขาดโปรตีนได้ จะเห็นลักษณะเป็นจุดขาว ๆ ที่พบว่าคือเกิดจากการกระแทกหรือติดเชื้อราก็ได้เช่นเดียวกัน เชื้อราบางอย่างเข้ามาด้วยสีขาว ส่วนเล็บขาวล้วนทั้งหมดของตัวเล็บ อาจเกิดจากพันธุกรรม หรือเล็บซีด แทนที่จะเป็นสีชมพูก็สามารถพบได้
เล็บเหลือง (Yellow Nails Syndrome) เกิดจากภาวะต่อมน้ำเหลืองโต หรือกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคปอด หรือโรคไซนัสอักเสบเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ส่วนเล็บที่เหลืองจากการทาเล็บบ่อย จะเกิดจากสารเคมีเข้าไปทำลายตัวเล็บ
เล็บสีเขียว ส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อจากแบคทีเรียบางประเภททำให้เห็นเป็นลักษณะสีเขียวๆ ม่วงๆ
เล็บสีน้ำตาล กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับเม็ดสี บางทีจะเห็นเป็นเส้นสีน้ำตาลในกลุ่มคนไข้มะเร็งของเล็บ อยู่ในกลุ่มของมะเร็งไฝ ซึ่งมาจากมะเร็งที่ตัวเล็บได้ เล็บสีน้ำตาล กลุ่มโรคของการติดเชื้อเหมือนกับเล็บเหลืองจะเห็นเป็นผิวขรุขระใต้เล็บ ซึ่งจะเจอได้ในกลุ่มคนไข้ที่เป็นสะเก็ดเงิน สังเกตได้จาก ผิวเล็บที่หนาตัวขึ้นเป็นสะเก็ดหรือมีเชื้อรา จะเห็นเล็บร่อนแยกออกจากกันเพราะมีความหนาตัว
เล็บมีดอกเล็บเกินครึ่งหนึ่งของเล็บ (Half nail) พบในกลุ่มคนไข้ไตวาย
เล็บขาวเกือบทั้งเล็บ เล็บที่เห็นสีชมพูอยู่นิดเดียว พบในคนไข้โรคตับแข็ง และหัวใจวาย
เล็บนูน เล็บเป็นคัปปลิ้ง หรือนูนๆ ขึ้นมา หรือไม่นูนแต่เป็นร่อง Spoon คล้ายๆ ช้อน จะพบในกลุ่มคนไข้ที่ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น
เล็บเป็นจุดเล็กบุบลงไป พบในคนไข้ที่เป็นสะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือในกลุ่มคนไข้ที่ผมร่วงเป็นหย่อม เป็นความผิดปกติทางด้านผิดหนังทำให้ผิดของเล็บไม่สม่ำเสมอเป็นร่อง
เล็บบางเป็นขุย เล็บเป็นขุยๆ เล็กๆ อยู่ข้างบน เป็นร่องเล็กๆ เล็บบางลง จะเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน
เล็บขบ เกิดได้จากภาวะการติดเชื้อที่มาจากการตัดเล็บ หรือบางครั้งที่พบบ่อยอาจเกิดจากการที่เราใส่รองเท้าคับเกินไป เล็บที่จะงอกขึ้นมา พองอกไม่ได้ก็จะทิ่มลงไปในบริเวณผิวหนังที่อยู่รอบๆ เล็บ ทำให้เจ็บขึ้นมา ปวด บวม และติดเชื้อ บางทีพอติดเชื้อก็จะทำให้เนื้อบริเวณนั้นนูนขึ้นมาอีกด้วย ทั้งติดเชื้อ มีหนอง และเลือดออก ซึ่งเจ็บมาก
จมูกเล็บอักเสบ พบในกลุ่มผู้หญิง โดยเฉพาะแม่บ้านที่มือเปียกน้ำบ่อยๆ และซอบทำเล็บตามร้านเสริมสวย มีการตัดจมูกเล็บ ทำให้เกิดช่องว่างในซอกเล็บและน้ำเข้าไปเซะขังอยู่ ทำให้เกิดการอักเสบภายหลัง
เล็บเป็นเชื้อรา มักพบในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคเบาหวาน ลักษณะเล็บจะเปลี่ยนสี และรูปร่างมีลักษณะ บิดเบี้ยว โค้ง งอ แตก เปราะ หรือเป็นขุย
เล็บกร่อน ลักษณะเล็บจะผุ แตกหัก เปราะง่าย เสียรูปทรง เป็นลูกคลื่น บุ๋ม โค้ง งอ หรือหนาขึ้นบ้าง มีสาเหตุไม่ชัดเจน
สะเก็ดเงินที่เล็บ ลักษณะเล็บหนาเป็นชั้นที่ปลายเล็บ และเป็นขุย รักษาค่อนข้างยาก
เคล็ดลับการดูแลเล็บให้สุขภาพดี
อาหารบำรุงเล็บ
หากร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน เล็บมือและเท้าจะมีสุขภาพแข็งแรงและสวยงามไปด้วย อาหารที่ควรรับประทานเป็นพิเศษ ได้แก่ อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน เช่น ถั่ว ปลา เต้าหู้ อาหารที่มีวิตามิน เอ ซี และ อี สูงเช่น กล้วย แคนตาลูป ผักใบเขียว พืชตระกูลถั่ว มะม่วง มะละกอ พริกไทย ฟักทอง มะเขือเทศ และเมล็ดธัญพืช และอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เช่น อาหารทะเล เป็นต้น ทั้งนี้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินบี 7 หรือไบโอติน (Biotin) วิตามินบี 12 โอเมก้า 3 โปรตีน ธาตุเหล็ก และซิงค์ (Zinc) สูง เช่น เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่ว ธัญพืชชนิดไม่ขัดสี นม ไข่ ผักใบเขียว และผลไม้ ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงขึ้นได้