svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

ส่องปัญหาสุขภาพช่องปากของวัยรุ่นฟันน้ำนม

เด็กปฐมวัยช่วงวัยที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงชุดฟันในช่องปากจากฟันน้ำนมเป็นฟันแท้ ทันตแพทย์แนะ 5 เทคนิคจูงใจให้เด็กแปรงฟันเพื่อป้องกันฟันผุ

การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปากเด็กวัยเรียนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยและวัยเรียน เพราะเป็นช่วงวัยที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงชุดฟันในช่องปากจากฟันน้ำนมเป็นฟันแท้ โดยฟันที่เพิ่งขึ้นในช่องปากมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ เนื่องจากการสะสมแร่ธาตุที่ผิวฟันยังไม่สมบูรณ์ และเด็กอาจแปรงฟันไม่ถูกวิธี รวมทั้งมีพฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำอัดลม กินขนมกรุบกรอบ

ส่องปัญหาสุขภาพช่องปากของวัยรุ่นฟันน้ำนม

โรคฟันผุ ยังเป็นปัญหาสุขภาพช่องปากสำคัญของเด็กปฐมวัยและวัยเรียน จากระบบฐานข้อมูลด้านสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (Health Data Center : HDC) พ.ศ. 2564 พบเด็กอายุ 3 ปี และ 12 ปี มีฟันผุมากกว่าร้อยละ 25 สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการกินอาหารหวาน และขาดพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปากที่ถูกต้อง พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงเป็นบุคคลสำคัญในการฝึกลูกน้อยแปรงฟันด้วยสูตร 2-2-2 ได้แก่ แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที และไม่กินอาหารหรือเครื่องดื่มหลังแปรงฟันนาน 2 ชั่วโมง ซึ่งควรฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ว่าการแปรงฟันเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน

"ปัญหาสุขภาพในช่องปากของเด็กวัยเรียน เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อภาวะการเจริญเติบโต จึงควรเสริมสร้างและพัฒนาเพื่อให้เด็กเกิดความเคยชินเป็นนิสัยที่ติดตัวไปตลอดชีวิต เกิดสุขนิสัยที่ดีในการดูแลสุขภาพช่องปาก ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม และบริโภคอาหารที่มีประโยชน์" นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

ส่องปัญหาสุขภาพช่องปากของวัยรุ่นฟันน้ำนม

มื้อเช้าไม่กินของขนมจุบจิบ หลีกเลี่ยงดื่มน้ำอัดลม ลูกอม

ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวว่า เด็กวัยเรียนเป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต ซึ่งช่องปากเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลย เนื่องจากโรคฟันผุและสภาวะเหงือกอักเสบ เป็นปัญหาสำคัญของเด็กวัยเรียน การสูญเสียฟันถาวรตั้งแต่วัยเด็กจะส่งผลต่อระบบบดเคี้ยว และอาจสะสมรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่วัยทำงานและวัยสูงอายุ

ดังนั้น จึงควรเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดีให้แก่เด็ก ด้วยการบริโภคอาหารหลัก 3 มื้อ โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้า ไม่รับประทานขนมจุบจิบ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ลูกอม เพราะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ

ส่องปัญหาสุขภาพช่องปากของวัยรุ่นฟันน้ำนม

การสร้างลักษณะนิสัยที่ดีในการแปรงฟัน

  • ควรแปรงฟันทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  • แปรงให้สะอาดทั่วถึง แปรงฟันทุกซี่ ทุกด้านโดยวางแปรงสีฟันทำมุม 45 องศา บริเวณรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน ถูแปรงสีฟันไปมาในช่วงสั้นๆ เบาๆ ตามแนวฟันและเหงือก
  • แปรงลิ้นและกระพุ้งแก้ม เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์และกลิ่นปาก
  • ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม
  • ตั้งแต่มีฟันซี่แรกถึงอายุ 3 ปี ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1000 ppm ขนาดเท่าเม็ดข้าวสาร
  • ในเด็กที่มีความเสี่ยงฟันผุสูงมาก ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1400-1500 ppm ขนาดเท่าเม็ดข้าวสาร
  • ผู้ปกครองช่วยแปรงฟันและเช็ดทำความสะอาดฟองออก
  • ในเด็กอายุ 3 ปี ถึง 6 ปี ที่มีความเสี่ยงฟันผุต่ำควรใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ 1000 ppm ขนาดเท่าเม็ดข้าวโพด
  • เด็กที่มีความเสี่ยงฟันผุสูง-สูงมาก ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ 1400-1500 ppm ขนาดเท่าเม็ดข้าวโพด โดยผู้ปกครองควรช่วยบีบยาสีฟันหรือช่วยแปรงฟันให้ลูก
  • ให้เด็กบ้วนน้ำลายและฟองยาสีฟันทิ้ง โดยไม่ต้องบ้วนน้ำตามหรืออาจบ้วนน้ำ 1 ครั้ง
  • ส่วนเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ที่สามารถควบคุมการกลืนและบ้วนทิ้งได้ ควรใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ 1400-1500 ppm ขนาดเต็มหน้าแปรงสีฟันเด็ก
  • บ้วนน้ำลายและฟองยาสีฟันทิ้งโดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม หรืออาจบ้วนน้ำ 1 ครั้ง

นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตช่องปากลูกว่ามีคราบจุลินทรีย์บนตัวฟันหรือไม่ มีรอยผุเริ่มแรกหรือผุเป็นรูหรือไม่ และหากพบปัญหาให้รีบมาพบทันตแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี

ส่องปัญหาสุขภาพช่องปากของวัยรุ่นฟันน้ำนม

5 เทคนิคจูงใจเด็กแปรงฟันป้องกันฟันผุ

1) ชวนลูกซื้อแปรงสีฟันด้วยกัน ให้ลูกเลือกแปรงสีฟันขนนุ่ม พร้อมลายการ์ตูนที่ลูกชื่นชอบ

2) กำหนดเวลาการแปรงฟันที่ชัดเจน วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน

3) เลือกใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์และมีรสชาติที่ลูกชอบ

4) ฝึกให้ลูกบ้วนยาสีฟันเอง หลังแปรงฟัน เพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟัน

5) ทำช่วงเวลาแปรงฟันให้เป็นเวลาแห่งความสุข เช่น เปิดเพลงระหว่างแปรงฟัน เปิดคลิปวีดีโอเรื่องโปรดเพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกน้อย

 

ไหมขัดฟันจำเป็นแค่ไหนสำหรับเด็ก

การใช้ไหมขัดฟันจะช่วยกำจัดเศษอาหารและคราบแบคทีเรียตามซอกฟันที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง ดังนั้น พ่อแม่ควรใช้ไหมขัดฟันให้เด็กเริ่มตั้งแต่อายุ 4 ปี ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะสามารถทำได้เองก่อนที่จะอายุ 8 ปี

เราควรทำอย่างไรถ้าฟันของเด็กหัก บิ่น หรือหลุด 

  • ถ้ามีการบาดเจ็บใดๆ ภายในช่องปาก ควรพบทันตแพทย์ทันที ทันตแพทย์จะทำการตรวจและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม
  • ถ้าเด็กมีอาการเจ็บหลังจากที่ฟันหักหรือบิ่น ควรพาไปพบทันตแพทย์ทันที คุณอาจจะให้เด็กรับประทานยาแก้ปวดตามเคาน์เตอร์ขายยาก่อนที่จะพบทันตแพทย์ได้ ถ้าเป็นไปได้ ควรเก็บชิ้นส่วนของฟันที่หักไปด้วยเวลาพบทันตแพทย์
  • ถ้าฟันหลุดออกจากปาก ให้นำฟันไปพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุด โดยสัมผัสกับฟันให้น้อยที่สุด ห้ามเช็ดหรือทำความสะอาดฟัน ควรเก็บฟันไว้ในน้ำสะอาดหรือนมจนกว่าจะพบทันตแพทย์ เนื่องจากฟันซี่นั้นอาจจะสามารถต่อกับไปยังที่เดิมได้ด้วยวิธีการปลูกถ่าย