svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

รู้หรือไม่ คนท้อง 1 ใน 4 มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์

เปิด 10 เช็กลิสต์คุณแม่แค่เครียดหรือเป็นโรคซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ พร้อมผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ และกิจกรรมที่จะทำให้คุณแม่ห่างไกลจากภาวะซึมเศร้า

ตามสถิติของ The American Congress of Obstetricians and Gynecologists ( AGOG ) ได้ระบุไว้ว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ 1 ใน 4 (14 – 23 %) มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้ขณะตั้งครรภ์ (DEPRESSION IN PREGNANCY) ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเนื่องจากความเครียด หรือปัจจัยกระตุ้นต่าง ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับคนในครอบครัว ความเครียดจากการทำงาน ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่น โรคประจำตัว มีเลือดออก กลัวแท้ง เคยมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนการตั้งครรภ์ หรือถูกทำร้ายมาหรือตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์

ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ที่พบบ่อย อาทิ

  • ประวัติครอบครัว หรือตนเองมีภาวะซึมเศร้า
  • ความสัมพันธ์ในครอบครัว
  • การอยู่คนเดียว
  • ปัญหาชีวิตในขณะนั้น
  • ความไม่พร้อมในการตั้งครรภ์
  • ประวัติการมีบุตรยาก
  • ประวัติการเคยแท้งบุตร หรือมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากการตั้งครรภ์

เปิด 10 เช็กลิสต์ "คุณแม่แค่เครียด" หรือ "เข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้า"

รู้หรือไม่ คนท้อง 1 ใน 4  มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์

  1. รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีสิ่งที่น่ารื่นรมย์หรือสนุกสนานเลยแม้แต่น้อย
  2. รู้สึกซึม เศร้า หรือว่างเปล่า ตลอดทั้งวัน/ทุกวัน
  3. เพ่งความสนใจไปยังสิ่งต่างๆ ได้น้อยลง
  4. โกรธง่ายมาก ใจไม่สงบ หรือร้องไห้มากเกินไป
  5. นอนไม่หลับ หรือนอนหลับตลอดเวลา
  6. รู้สึกเหนื่อยล้ามาก หรือเหนื่อยล้าตลอดเวลา
  7. อยากกินอาหารตลอดเวลา หรือไม่อยากอาหารเลย
  8. รู้สึกผิดอย่างไม่มีเหตุผล รู้สึกไร้ค่า ไร้ความหวัง
  9. มีสัญชาตญาณมุ่งตาย คิดอยากฆ่าตัวตาย หรือคิดว่าการตายเป็นสิ่งดี
  10. มีอาการซึมเศร้าสลับกับกระตือรือร้นมากเกินไป เช่น ขยันทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยไม่ต้องกินหรือนอนมาก ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่สุด

หากอาการซึมเศร้าไม่มาก คุณแม่จะเป็นๆ หายๆ เองได้ ไม่ต้องทำการรักษา ทั้งนี้ คนในครอบครัวต้องคอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด แต่หากมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงเกินกว่า 2 สัปดาห์ ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ โดยสมาชิกภายในบ้านควรดูแลไม่ให้คุณแม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล ดูแลเอาใจใส่คุณแม่อย่างใกล้ชิด เข้าอกเข้าใจ พูดคุยกัน หากิจกรรมทำร่วมกัน

ภาวะซึมเศร้าในคนท้องส่งผลต่อแม่และทารกในครรภ์มากแค่ไหน?

หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคซึมเศร้ามีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง และมีภาวะครรภ์เป็นพิษ เนื่องจากความดันโลหิตสูงระหว่างการตั้งครรภ์มากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นโรคซึมเศร้า

นอกจากนี้ ผู้หญิงที่เป็นโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอดสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นในผู้หญิงประมาณ 15% ที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตร

รู้หรือไม่ คนท้อง 1 ใน 4  มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ จากรายงานของสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ หากไม่ได้รับการรักษา โรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์โดยเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะต่อไปนี้

  • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตร
  • เด็กที่คลอดออกมามีน้ำหนักตัวน้อย
  • การคลอดก่อนกำหนด
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษ
  • ความบกพร่องด้านการเรียนรู้ของทารก
  • แม่ตั้งครรภ์ขาดสารอาหาร
  • แม่ท้องพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ทารกโตช้าในครรภ์
  • ทารกได้รับผลกระทบจากยาที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้า

การรักษาโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์

โรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้โดยมีหลักการรักษาเหมือนโรคซึมเศร้าทั่วไป การรักษาต่าง ๆ มีแนวทางดังนี้

  1. การให้คำปรึกษา หรือการใช้เทคนิคเฉพาะทางเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้น เช่น การบำบัดด้านความคิดและพฤติกรรม (CBT) การบำบัดด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เป็นต้น และการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนต่างๆ
  2. การบำบัดด้วยการกระตุ้นสมอง เช่น การกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy) ซึ่งเป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าชนิดอ่อนเข้าสู่สมอง
  3. การใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ จึงต้องคำนึงถึงประโยชน์และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียจากการใช้ยานี้อย่างถี่ถ้วน

จะเห็นได้ว่าการรักษาภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์นั้น ในบางข้อก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น ทั้งแม่ท้อง ครอบครัว และคนใกล้ชิด ควรจะช่วยกันสังเกตอาการและป้องกันก่อนที่แม่ท้องจะเกิดภาวะนี้ได้

รู้หรือไม่ คนท้อง 1 ใน 4  มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์

กิจกรรมที่ทำให้แม่ท้องห่างไกลจากภาวะซึมเศร้า

- การออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะทำให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์หลั่งสารเอ็นโดฟินที่กระตุ้นให้เรามีความสุข และลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เป็นตัวกระตุ้นให้เราเกิดความเครียด
พักผ่อนให้เพียงพอ

- เลือกรับประทานอาหารที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เช่น ของหวาน หรืออาหารที่มีโปรตีนต่ำจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่ควรรับประทานในบริมาณที่พอเหมาะ และอาหารที่มี โอเมก้า 3 เพราะจะช่วยลดการซึมเศร้าแล้วยังส่งผลต่อการกระตุ้นในการพัฒนาสมองของลูกได้ เช่นกั

- ควรไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้อยู่ภายใต้การดูแลของสูตินรีแพทย์ โดยสูตินรีแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง ข้อควรปฏิบัติต่าง ๆ และความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ช่วยให้ว่าที่คุณแม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่เครียดมากจนนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ได้นั่นเอง

- การรักษาแบบธรรมชาติบำบัด เช่น การเล่นโยคะ ก็มีส่วนช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ได้

- การให้ครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ช่วยแบ่งเบาภาระงานในบ้าน ช่วยเหลืองานในด้านต่าง ๆ และอำนวยความสะดวกตามความเหมาะสม ก็จะช่วยลดความเครียดในแม่ท้องได้

ทั้งนี้ นอกจากสุขภาพร่างกายที่แม่ท้องต้องดูแล เพื่อให้ลูกน้อยในครรภ์ได้เจริญเติบโตตามวัยแล้ว ก็อย่าละเลยการดูแลสภาพจิตใจของแม่ท้องด้วย เพราะความเครียดและโรคซึมเศร้าอาจส่งผลต่อลูกน้อยในท้องได้เช่นกัน