svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

"โรคแอนแทรกซ์" โรคอันตรายที่คืบเข้าตัวใกล้เกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ พาหะ อาการ การรักษา รวมถึงการป้องกัน

สถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ (anthrax) เริ่มน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเกษตรกร ที่ล่าสุด จ.มุกดาหาร มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

 

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

 

ส่วนอีก 1 ราย ยังคงรักษาตัว และ รวมทั้งพบผู้เข้าข่ายติดเชื้อแอนแทรกซ์ อีก 3 ราย และผู้สัมผัสและกลุ่มเสี่ยงอีกจำนวน 638 ราย โรคแอนแทรกซ์ จึงเป็นโรคที่ประมาทไม่ได้

 

รู้จักโรคแอนแทรกซ์ คืออะไร เกิดจากอะไร การติดต่อ พาหะ อาการ ความรุนแรง การรักษา และการป้องกัน

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

 

โรคแอนแทรกซ์ คืออะไร?

 

โรคแอนแทรกซ์ เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียบาซิลัส แอนทราซิส (Bacillus anthracis) เป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก รูปร่างเป็นเส้นยาวรี (Gram positive rod) มักพบในดินและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในสัตว์ที่เลี้ยงในบ้าน หรือสัตว์ป่าได้ โรคนี้พบได้ทั่วโลก

 

คนสามารถรับเชื้อนี้ได้ จากการสัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากสัตว์ต่างๆ เช่น ผม ขน เนื้อ หรือนม เป็นต้น แต่แอนแทรกซ์จะไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้

 

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

 

การติดต่อของโรคแอนแทรกซ์เกิดขึ้นได้อย่างไร?

 

เกิดจากสัตว์พาหะหลัก คือ โค กระบือ แพะ แกะ ที่มีเชื้อสู่คน แต่จะไม่ติดจากคนสู่คน

 

เมื่อสปอร์ของแบคทีเรียหลุดเข้ามาในร่างกายเพาะตัวขึ้นเกิดการแบ่งตัว และแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แบคทีเรียจะผลิตสารพิษ (Toxins) และทำให้เกิดอาการที่รุนแรงได้

 

สปอร์สามารถเข้าร่างกาย ทั้งทางการหายใจ บาดแผล ผิวหนัง ดื่มน้ำ หรือกินอาหารที่ปนเปื้อน โดยเฉพาะนม ที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรืออาหารสุกๆดิบๆ นอกจากนี้ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ก็มีความเสี่ยงสูง ระยะฟักตัว 1 - 7 วัน เวลายาวที่สุดคือ 60 วัน

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

 

โรคแอนแทรกซ์ มีอาการอย่างไร?

 

อาการจะแบ่งออกเป็น 4 ชนิด

  • แอนแทรกซ์ในทางเดินหายใจ เกิดจากการสูดดมเชื้อแบคทีเรียเข้าไป พบในคนที่สัมผัสผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีการปนเปื้อน เช่น ในอุตสาหกรรมที่มีการตัดขนสัตว์ หรือแปรรูปขนสัตว์ให้เป็นเสื้อผ้า จะมีอาการเป็นไข้ หนาวสั่น อึดอัดแน่นหน้าอก ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน สับสน มึนหัว เหงื่อออกมากจนชุ่ม อ่อนเพลียมาก และปวดเมื่อยตามตัว
  • แอนแทรกซ์ที่ผิวหนัง มักเกิดจากแผลถลอก มีตุ่มหนอง คัน รอบแผลจะมีอาการบวมมาก ต่อมามักพบแผลลึกที่มีศูนย์กลางเป็นสีดำ ระยะนี้จะไม่คัน ส่วนมากแผลพบที่หน้า คอ แขน หรือมือ เพราะมักเป็นส่วนที่สัมผัสนอกร่มผ้า
  • แอนแทรกซ์ในทางเดินอาหาร เกิดจากการกินอาหารสุกๆดิบๆ หรือน้ำนม ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในประเทศที่อาจไม่ได้มีการฉีดวัคซีนต้านแอนแทรกซ์ในปศุสัตว์อย่างสม่ำเสมอ หรือไม่ได้มีการตรวจก่อนทำการชำแหละเนื้อมาขายหรือบริโภค ผู้ติดเชื้อมักมีอาการไข้ หนาวสั่น เจ็บคอเวลากลืน เสียงแหบ คอบวม ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต คลื่นไส้อาเจียน บางครั้งอาจมีอาเจียนเป็นเลือด หน้าแดง ตาแดง ปวดท้อง ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นเลือด ท้องบวม หรือหมดสติเป็นลมได้
  • แอนแทรกซ์จากการฉีดยาเข้าเส้น พบได้น้อย แต่มีรายงานในยุโรป ในผู้ติดยาเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น เช่น เฮโรอีน อาจมีไข้ หนาวสั่น ที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมักพบเป็นกลุ่มฝีหนองขนาดเล็กหรือผิวที่บวมขึ้นมา ต่อมามีแผลตรงกลางสีดำที่ไม่เจ็บ แต่บวมรอบแผล ถ้าฉีดลึกอาจมีฝีหนองขนาดใหญ่ใต้ชั้นผิวหนังได้ แม้อาการจะคล้ายกลุ่มแอนแทรกซ์ที่ผิวหนัง แต่อาจจะทำให้เกิดการกระจายได้อย่างรวดเร็วเมื่อเชื้อเข้ากระแสเลือด

 

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

 

โรคแอนแทรกซ์ มีวิธีการรักษาอย่างไร?

 

รักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เพนนิซิลิน ด๊อกซีไซคคลิน หรือกลุ่มควิโนโลน นอกจากนี้ยังมียาที่ต้านพิษที่สร้างจากเชื้อและเป็นยาปฏิชีวนะด้วย คือ คลินดาไมซิน ลิเนโซลิด

 

บางรายอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายขนานหากมีอาการรุนแรง เช่น ถ้าติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง ต้องใช้ยาอย่างน้อย 3 ตัว โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibody) และอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) ที่จำเพาะกับเชื้อก็มีการนำมาใช้ด้วย

 

ผู้ป่วยบางรายแม้ว่าจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้แล้ว แต่พิษจากเชื้ออาจยังมีผลรุนแรงที่ต้องนอนในหอผู้ป่วยวิกฤต หรือต้องใส่ท่อช่วยหายใจ

 

โรคแอนแทรกซ์ ใกล้ตัวเกษตรกร เกิดจากอะไร การติดต่อ การป้องกัน

 

การป้องกัน โรคแอนแทรกซ์?

 

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อหรือซากสัตว์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประวัติการระบาด
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องสัมผัสสัตว์หรือซากสัตว์ เช่น ถุงมือ หน้ากาก เสื้อคลุมกันเปื้อน
  • หลังสัมผัสกับเนื้อสัตว์ควรล้างมือ และอุปกรณ์ให้สะอาดเสมอ
  • เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรอง อาหารปลอดภัย
  • ไม่รับประทานอาหารจากเนื้อสัตว์ที่ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆและดื่มนมที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
  • ผู้ที่สัมผัสเชื้อแล้ว แต่ยังไม่มีอาการ แนะนำให้กินยาป้องกันหลังสัมผัส (Post exposure prophylaxis; PEP) โดยต้องกินยาปฏิชีวนะด๊อกซีไซคคลิน หรือกลุ่มควิโนโลน นานถึง 60 วัน

 


ข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  , โรงพยาบาล Med Park