svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

เตือนผัก 5 อย่างไม่ควรกินสด "หมอเจด" เผยระวังพยาธิขึ้นตา เสี่ยงตาบอด

"หมอเจด" เผย ผัก 5 อย่างไม่ควรกินสด ระวังพยาธิขึ้นตา เสี่ยงตาบอด พร้อมแนะวิธีช่วยลดความเสี่ยง ย้ำ ผักสดกินได้ แต่ต้องระวังให้มากขึ้น

28 กุมภาพันธ์ 2568 "หมอเจด" นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ให้ความรู้ด้านสุขภาพ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "หมอเจด" โดยระบุว่า ผัก 5 อย่างไม่ควรกินสด ระวังพยาธิขึ้นตา เสี่ยงตาบอด!

เชื่อว่าเราเคยเรียนมา หรือคงจะเคยได้ยินมาแหละ ต้องกินผัก เพราะผักมีประโยชน์กับร่างกาย การกินผักนี่ดีต่อสุขภาพก็จริง แต่ก็มีเรื่องที่ต้องระวังด้วย ผักสดบางอย่างอาจมีพยาธิติดมาด้วยแบบไม่รู้ตัว ถ้าล้างไม่สะอาด หรือบางทีเราก็ไม่เห็น 

ไม่ได้ห้ามกินนะครับ แต่ต้องระวังให้มากขึ้น เดี๋ยวมาดูกันว่าผักอะไรเสี่ยงสุด และต้องล้างยังไงให้มั่นใจว่ากินได้แบบปลอดภัย 

1.ผักสดที่เสี่ยงมีพยาธิเยอะที่สุด

จากการศึกษาของ Punsawad C ซึ่งเก็บตัวอย่างผักจากตลาดในนครศรีธรรมราช พบว่ามี 5 ชนิดที่เสี่ยงพยาธิ เรียงจากน้อยไปมากนะ

  • ผักชีฝรั่ง พบพยาธิ 11%
  • ใบบัวบก พบพยาธิ 12%
  • ต้นหอม พบพยาธิ 13%
  • ผักชีไทย พบพยาธิ 13%
  • ขึ้นฉ่ายฝรั่ง พบพยาธิ 63.3%

อันนี้ต้องระวังเลยนะ ผักบางอย่างเราก็ไม่คิดว่าพยาธิเยอะโดยเฉพาะขึ้นฉ่ายฝรั่ง ตัวนี้แชมป์เรื่องพยาธิเพราะก้านมีร่องลึก ดินเข้าไปฝังตัวแน่น บางทีแหล่งปลูกก็ใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ เลยกลายเป็นแหล่งสะสมของพยาธินะ

2.พยาธิที่พบในผัก และมันทำอะไรกับเราได้บ้าง?

พยาธิที่พบในผักสดมันส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติ ตั้งแต่อาการเล็กน้อย เช่น ท้องเสีย ไปจนถึงปัญหาร้ายแรง เช่น ภาวะขาดสารอาหาร หรือการติดเชื้อภายในลำไส้ พยาธิพวกนี้ส่วนใหญ่จะพบในพื้นที่ที่มีการใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ โดยไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้ไข่พยาธิปนเปื้อนลงสู่ดินและน้ำได้ง่าย พยาธิแต่ละชนิดก็ส่งผลแตกต่างกัน มาดูกันว่ามีตัวไหนบ้าง และมันแย่กับร่างกายเรายังไงบ้าง

  • พยาธิปากขอ (Hookworm) ตัวนี้ดูดเลือดจากลำไส้ ทำให้โลหิตจาง อ่อนเพลีย และขาดธาตุเหล็กได้
  • พยาธิเส้นด้าย (Threadworm) ตัวนี้ชอบออกมาแถว ๆ ทวารหนักตอนกลางคืน ทำให้คัน และถ้าไม่รักษา อาจแพร่กระจายไปทั่วบ้านได้
  • พยาธิแส้ม้า (Whipworm) ทำให้ท้องเสียเรื้อรัง ลำไส้อักเสบ และถ้าหนัก ๆ อาจทำให้ขาดสารอาหาร
  • พยาธิไส้เดือน (Ascaris) ตัวใหญ่และยาวสุด อาจทำให้แน่นท้อง ปวดท้องหนัก และบางครั้งพยาธิอาจเคลื่อนที่ไปถึงปอด ทำให้ไอเรื้อรังได้
  • พยาธิไส้เดือนสุนัข (Toxocara canis) อันตรายมาก โดยเฉพาะถ้าไข่พยาธิเข้าไปในตา อาจทำให้ตาบอดได้เลยนะ

3.พยาธิพวกนี้เข้าสู่ร่างกายได้ยังไงบ้าง?

  • กินผักที่ล้างไม่สะอาด ถ้ามีไข่พยาธิหรือดินปนเปื้อนมากับผัก แล้วเรากินเข้าไปโดยไม่ล้างดี ๆ ก็เสี่ยงรับพยาธิเข้าท้องเต็มๆ
  • มือสกปรกแล้วไปหยิบอาหารเข้าปาก ถ้าจับผักที่ยังไม่ได้ล้าง แล้วไม่ล้างมือก่อนกินข้าว โอกาสพยาธิเข้าร่างกายก็เพิ่มขึ้น
  • อุปกรณ์ครัวปนเปื้อน มีด เขียง จาน หรือภาชนะที่ใช้สัมผัสกับผักที่มีพยาธิ แล้วไม่ล้างให้สะอาดก่อนใช้งานต่อ ก็ทำให้เราติดพยาธิได้


ขอบคุณภาพ : mdjaff จาก Freepik

4.ล้างผักยังไงให้สะอาด ปลอดภัยจากพยาธิ?

เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการล้าผักนะ ทำง่าย ๆ ตามนี้เลยนะครับ

  1. ล้างผักด้วยน้ำไหล ขยี้ใบ ถูเบา ๆ ให้ดินและสิ่งสกปรกออกให้หมด
  2. แช่ในน้ำเกลือหรือน้ำส้มสายชู ใช้ เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ หรือ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 4 ลิตร แช่ไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
  3. ใช้แปรงขัดผักที่มีร่องลึก เช่น ขึ้นฉ่ายฝรั่งหรือต้นหอม เพราะสิ่งสกปรกติดอยู่เยอะ
  4. ลวก หรือต้มก่อนกิน ถ้าผักชนิดนั้นไม่จำเป็นต้องกินดิบ แนะนำให้ลวก หรือต้มก่อน ช่วยฆ่าพยาธิได้แน่นอน


5.กินผักสดยังไงให้มั่นใจว่าปลอดภัย?

ถ้าอยากกินผักสดให้ปลอดภัย ทำตามนี้เลยนะ

  • เลือกซื้อผักจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หลีกเลี่ยงผักที่ดูสกปรก หรือปลูกในที่ที่ไม่มั่นใจเรื่องความสะอาด
  • ล้างมือให้สะอาดก่อน-หลังสัมผัสผัก ป้องกันการแพร่กระจายของพยาธิ
  • ล้างอุปกรณ์ครัวหลังใช้ โดยเฉพาะเขียงและมีดที่ใช้หั่นผัก ควรล้างให้สะอาดก่อนนำไปใช้กับอาหารอื่น
  • เลี่ยงการกินผักดิบถ้าไม่มั่นใจเรื่องความสะอาด บางชนิดล้างออกยาก ถ้าไม่มั่นใจ แนะนำให้ทำให้สุกก่อน


"หมอเจด" ฝากทิ้งท้ายว่า แม้ว่าผักสดจะดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าไม่ล้างให้ดี พยาธิก็อาจเข้าร่างกายได้ แนะนำว่าล้างให้สะอาดก่อนกิน เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะเลยนะ การแช่ผักในน้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชู เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดการปนเปื้อนของพยาธิและแบคทีเรียได้ดี ทุกบ้านน่าจะมีทั้ง 2 อย่างติดบ้านอยู่แล้วนะ ย้ำอีกรอบนะ ผักสดกินได้ แต่ต้องระวังให้มากขึ้น เอาวิธีด้านบนไปใช้นะครับจะได้กินผักแบบสบายใจ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก หมอเจด
ขอบคุณภาพ : mdjaff จาก Freepik