svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

ภัยเงียบ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สาเหตุ การป้องกัน อาการ การรักษา

ภัยเงียบ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคที่มีผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อยๆ สาเหตุ อาการ การป้องกัน การรักษา รู้ก่อนรักษาก่อนหายขาดได้

โรคที่เกิดขึ้นโดยที่หลายคนไม่รู้ตัวมาก่อน กว่าจะรู้ตัวก็อาการหนักเสียแล้ว สำหรับ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมาก

 

โดยโรงพยาบาลนครธน เผยแพร่บทความ เรื่องเส้นเลือดหัวใจตีบ ภัยใกล้ตัว รู้ทัน รักษาได้ อาจไม่ต้องผ่าตัด โดย นพ. ศิรพัชร์ พูนวุฒิกุล ระบุว่า โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ในอดีตมักพบมากในวัยสูงอายุ แต่ปัจจุบันพบภาวะนี้ในผู้ที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เพราะมักไม่มีอาการในระยะแรก กว่าจะรู้ก็มีอาการของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่ชัดเจน เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หรือยิ่งไปกว่านั้น ก็อาจพบหลังประสบภาวะหัวใจวายไปแล้ว

 

โดยแนวทางการรักษาเส้นเลือดหัวใจตีบนั้น มีหลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการทำบอลลูนหัวใจ ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด และมีความปลอดภัย โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย

ภัยเงียบ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สาเหตุ การป้องกัน อาการ การรักษา

 

สาเหตุของการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ

 

เส้นเลือดหัวใจตีบเกิดจากการที่เส้นเลือดตีบแคบลงจากความเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือ มีการสะสมของคราบหินปูน หรือ ไขมันไปเกาะอยู่ที่ผนังของหลอดเลือดชั้นในจนเกิดการอุดตัน ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหากเส้นเลือดแดงตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้


 

ปัจจัยที่เสริมให้เส้นเลือดหัวใจตีบมากขึ้น

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น มักเกิดกับคนที่มีอายุ 40-50 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
  • มีน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน
  • การสูบบุหรี่
  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
  • มีความเครียดเรื้อรัง
     

อาการที่ตามมาหากเกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ

 

  • อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบ หรือมีแรงดันจำนวนมากที่บริเวณกลางอกหรือที่อกข้างซ้าย โดยอาการอาจจะเกิดขึ้นไม่กี่นาทีแล้วก็หาย แต่จากนั้นก็อาจจะกลับมาเป็นอีก
  • อาการปวดร้าวไปที่ไหล่ แขนซ้ายหรือร้าวไปที่กราม
  • อาการเหงื่อออก มือเท้าเย็น วิงเวียน จะเป็นลม หมดแรง
  • อาการคลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม จุกคอหอย จุกใต้ลิ้นปี่ คล้ายโรคกระเพาะ หรือกรดไหลย้อน

 

ภัยเงียบ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สาเหตุ การป้องกัน อาการ การรักษา

 

การตรวจวินิจฉัยเส้นเลือดหัวใจตีบ

 

แนวทางในการตรวจวินิจฉัยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติก่อน จากนั้นจะส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆ เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: EKG) เป็นการตรวจความสมบูรณ์ของคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจ อัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจว่ามีความผิดปกติหรือไม่
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST) ใช้ในการตรวจหาความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด ที่ตรวจไม่พบในขณะที่ร่างกายหยุดพัก หรือไม่ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก
  • การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram) แพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่คล้ายเครื่องอัลตราซาวด์ตรวจบริเวณหน้าอก และใช้เสียงสะท้อนความถี่สูงเพื่อจำลองภาพ ขนาด และการทำงานของหัวใจ
  • การตรวจหาคราบหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium score) เป็นการตรวจปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Scan) และคำนวณหาปริมาณแคลเซียมที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดแดง โดยภาพที่ได้จากการตรวจจะคมชัด เนื่องจากเครื่องมือที่มีความเร็วในการจับภาพสูงมาก ซึ่งสามารถจับภาพขณะที่หัวใจเต้นได้ดี และสามารถบอกถึงปริมาณหินปูนที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดหัวใจ แม้จะมีปริมาณน้อยก็ตาม เพื่อใช้บ่งบอกแนวโน้มถึงโอกาสในการที่จะเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที
  • การฉีดสีสวนหัวใจ จะเป็นขั้นตอนการตรวจลำดับสุดท้าย โดยการใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร ผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบหรือหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ และทำการฉีดสารละลายทึบรังสีผ่านท่อเล็กๆ นี้ เพื่อถ่ายภาพเส้นเลือดหัวใจให้เห็นบริเวณที่มีการตีบตันของเส้นเลือด หากพบความผิดปกติของหลอดเลือดที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสวนหัวใจ แพทย์จะทำการใส่สายสวนหัวใจ เพื่อทำการขยายหลอดเลือดที่ตีบแคบด้วยบอลลูนหัวใจและขดลวดถ่างขยาย (Stent) ได้ในทันที

 

ภัยเงียบ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สาเหตุ การป้องกัน อาการ การรักษา

 

การรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ

 

ในปัจจุบัน มีวิธีการรักษาหลายแบบ และแต่ละวิธีก็มีความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป แต่วิธีการรักษาที่แพทย์นิยมทำโดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด คือ การทำบอลลูนหัวใจ หรือการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดถ่างขยาย ซึ่งเป็นการหัตถการการรักษาที่สามารถทำได้เลย ต่อจากการฉีดสีดูการตีบของเส้นเลือดหัวใจ

 

การทำบอลลูนหัวใจและใส่ขดลวดนั้น จะช่วยดันไขมัน หรือคราบหินปูนที่อุดตันหลอดเลือดอยู่ให้ไปชิดผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านจุดที่เคยตีบได้สะดวกขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้

 

การป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ

 

สามารถทำได้ด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เกิดการตีบตันของเส้นเลือด เช่น งดการสูบบุหรี่ เลี่ยงรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เพิ่มการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น รวมทั้งการมาตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอจะช่วยคัดกรองความเสี่ยงได้ และหากพบว่ามีอาการเข้าข่ายเส้นเลือดหัวใจตีบ ให้รีบพบแพทย์ทันที เพราะหากพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้