svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

ไข่ผำน้ำ Superfood เจ้าของฉายากรีนคาร์เวียร์ไทยจะไปอวกาศ

นักวิจัยไทยเผยกรีนคาร์เวียร์ไทย หรือ "ไข่ผำน้ำ" อาจเป็นทางเลือกใหม่ที่ถูกนำมาใช้แก้ปัญหาด้านอาหารและออกซิเจนของนักบินอวกาศ

พืชน้ำเม็ดเล็กๆ สีเขียวอย่าง “ไข่ผำน้ำ” กำลังกลายเป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะนอกจากพื้นฐานด้านรสชาติที่หอมมัน อร่อย สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งเมนูแกง ผัด ยำ หรืออาจนำไปล้างให้สะอาดและรับประทานเป็นสลัด มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้โปรตีนสูงมากกว่าเนื้อ ไข่ ใกล้เคียงกับถั่วเหลืองในปริมาณเท่าๆ กัน โดยไข่ผำน้ำ 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 8 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยเส้นใย 0.3 กรัม แคลเซียม 59 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม เหล็ก 6.6 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง วิตามินซี ไนอะซิน และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด เช่น ลิวซีน ไลซีน วาลีน ฟีนิวอลานีน ธีโอนีน ไอโซลิวซีน อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน นอกจากนี้ คลอโรฟิลล์ในผำเป็นสารสีเขียวที่พบในพืช ยังมีโครงสร้างมีลักษณะคล้ายฮีมที่อยู่ในฮีโมโกลบินซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเลือด

นอกจากไข่ผำน้ำจะเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารแล้ว ไข่ผำน้ำยังสามารถใช้เป็นยาสมุนไพรที่มีส่วนช่วยบรรเทารักษาอาการต่างๆ มีรายงานการวิจัยถึงฤทธิ์ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องผูก ฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่างในคนที่มีสภาวะเครียด หรือร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร อีกทั้งยังถูกนำมาใช้ในการบำบัดน้ำเสีย

ไข่ผำน้ำ Superfood เจ้าของฉายากรีนคาร์เวียร์ไทยจะไปอวกาศ

ด้วยประโยชน์นานัปการเกินกว่าจะเป็นพืชไร้ชื่อเสียง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ได้กำหนดนโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food Policy) เป็นหนึ่งในนโยบายหลักเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศตลอดห่วงโซ่เกษตรและอาหารเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) เดินหน้าส่งเสริมให้พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดซูเปอร์ฟู้ด (SuperFood) ของอาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดยสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

อีกจุดเด่นของไข่ผำคือเรื่องของการขยายพันธุ์เร็ว เพาะเลี้ยงง่าย ปลูกได้แม้แต่ในพื้นที่ขนาดเล็ก ทั้งยังเป็นอาหารของสัตว์น้ำหลายชนิด ทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างในฉายา คาเวียร์สีเขียว (Green Caviar) ที่สามารถรับประทานได้หมดโดยไม่เหลือส่วนใดที่ต้องทิ้ง (food waste) ซึ่งนี่เองเป็นจุดแข็งที่ทำให้ทีมนักวิจัยไทยต้องการศึกษาต่อยอดไปสู่อาหารและภาคเกษตรสำรวจการอวกาศเชิงลึกของมนุษย์ในอนาคต

ไข่ผำน้ำ Superfood เจ้าของฉายากรีนคาร์เวียร์ไทยจะไปอวกาศ

"ไข่ผำ" จากแหล่งน้ำสู่เป้าหมายการส่งไข่ผำขึ้นอวกาศ

แนวคิดนี้ทีมวิจัยของไทยนำโดย อาจารย์ ดร.ทัฏพงศ์ ตุลยานนท์ กลุ่มสาขาวิชาชีวนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ฐานชีวภาพอัจฉริยะ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย พร้อมด้วย นายวุฒิพัทร อินทร์ทองคำ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีโอมิกส์ ประกอบด้วย ดร.สุชีวิน กรอบทอง นักวิจัยหลังปริญญาเอกภายใต้การดูแลของอาจารย์ ดร.ชณัท อ้นบางเขน ภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายยอดยิ่ง ยิ่งชูตระกูล นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office for Outer Space Affairs; UNOOSA), องค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency; ESA) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) เพื่อไปทำวิจัยศึกษาผลของแรงโน้มถ่วงสูง (Hypergravity) ที่มีต่อไข่น้ำ โดยใช้เทคนิคทางโอมิกส์ ณ European Space Research and Technology Centre (ESTEC) ประเทศเนเธอร์แลนด์ นำไข่ผำน้ำมาร่วมทดสอบในเครื่องหมุนเหวี่ยงของทาง European Space Agency (ESA) ซึ่งเป็นการทดสอบในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงในอวกาศเพื่อตรวจสอบผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของไข่ผำ

จากวงจรชีวิตของไข่ผำที่มีระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ช่วยให้พวกเขาทราบผลอย่างรวดเร็ว เมื่อทำการทดลองเสร็จสิ้นทางทีมวิจัยจะเก็บรวบรวมข้อมูล นำสารสกัดจากไข่ผำที่โตในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงไปศึกษาเพิ่มเติม ทั้งในด้านการเจริญเติบโตไปจนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในหลายระดับ เพื่อตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อพืชชนิดนี้

อย่างไรก็ตาม การทดลองนำไข่ผำน้ำมาปลูกบนสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงยังคงอยู่ในขั้นทดลอง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการศึกษาวิจัยเพื่อขยายผลต่อไป ซึ่งเป็นความหวังของมนุษยชาติในอนาคต