svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

โลกร้อนทำทะเลเดือด ! เหตุผลหลักทำปะการังฟอกขาว

นักวิชาการ ระบุ โลกร้อนขึ้นในทุก ๆ ปี ส่งผลให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้แนวปะการังน้ำตื้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก ส่งผลให้ปะการังตายเป็นจำนวนมาก และเป็นสาเหตุหลักทำปะการังฟอกขาว

ปัญหาโลกร้อน ยังคงทวีความรุนแรงต่อเนื่อง และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุด ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า การที่โลกร้อนขึ้น ทำให้น้ำทะเลร้อนผิดปกติ เนื่องจากโดยปกติแล้วน้ำทะเลไทยมีอุณหภูมิร้อนที่สุดในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูร้อนอย่างเป็นทางการของไทย

ทั้งนี้ โดยปกติอุณหภูมิน้ำทะเลจะอยู่ที่ประมาณ 30-31 องศา แต่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 มาจนถึงปีพ.ศ. 2566 อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกิน 32 องศาจึงทำให้ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังน้ำตื้นเป็นอย่างมาก เพราะน้ำยิ่งตื้นก็ก็จะทำให้ปะการังมีโอกาสสัมผัสแสงแดดมากขึ้น และทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวได้ 

โลกร้อนทำทะเลเดือด ! เหตุผลหลักทำปะการังฟอกขาว

“สมัยก่อนก่อนการฟอกขาว 1 ครั้ง ปะการังจะอยู่ได้ประมาณ 7-8 ปี แล้วจึงฟอกใหม่ เพราะมีเวลาฟื้นตัวนาน แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปะการังมีการฟอกขาวในทุกปี เพราะอุณหภูมิน้ำสูงทุกปี ถ้าเป็นแนวปะการังน้ำตื้นตามชายฝั่ง เกาะ หรือภาคตะวันออกของไทย ปะการังตายไปเยอะและบางพื้นที่ตายเกิน 50% ส่วนในเกาะที่ห่างจากชายฝั่ง เช่น เกาะเต่า มีน้ำที่ลึกกว่า ปะการังจะเกิดการซีดและฟอกขาวไม่มาก แต่ด้วยความที่น้ำลึกกว่า มันก็สามารถฟื้นตัวได้ดีแต่ยังคงมีความอ่อนแอ ปรากฎการณ์เอลนีโญที่กำลังเริ่มขึ้นก็ส่งผลกระทบเช่นกัน เพราะคาดว่าในปีหน้าน้ำจะร้อนหนักกว่าปีนี้ และจะทำให้ปะการังตายยิ่งกว่านี้อีกหลายตัว” ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าว

ดร.ธรณ์ กล่าวอีกว่า

ปัญหาโลกร้อน ไม่สามารถหาตัวการหลักได้ เพราะสาเหตุมาจากทุกๆคน สิ่งที่จะทำได้คือการรายงานสถานการณ์ และหาแนวทางแก้ไขบางอย่างที่พอจะทำได้ เช่น ในอนาคตอาจจะต้องมีการปิดพื้นที่ดำน้ำบางจุด เนื่องจากปะการังฟอกขาวจนโทรมมาก หรืออาจจะมีการสร้างจุดดำน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระตามแนวปะการัง ซึ่งมองว่า หากปะการังถูกรบกวนมาก คาดว่าภายใน 30-40 ปีข้างหน้า ปะการังครึ่งหนึ่งของโลกจะตายไป ซึ่งทะเลอันดามัน และอ่าวไทย จะถูกผลกระทบ แต่อ่าวไทยอาจเกิดวิกฤตหนักหนักกว่า โดยชาวประมงพื้นบ้านจะเป็นกลุ่มคนที่ปรับตัวยากที่สุด และจะได้รับผลกระทบมากที่สุด

สำหรับปะการังในประเทศไทยมีโครงสร้างการก่อตั้งของแนวปะการัง แบ่งได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้

  • แนวปะการังชายฝั่ง เป็นแนวปะการังขนาดเล็กที่ก่อตัวและแพร่กระจายตามบริเวณชายฝั่งทะเล
  • แนวปะการังแบบกำแพง  เป็นแนวปะการังที่อยู่ห่างจากชายฝั่ง มีโครงสร้างแบ่งตามเขตน้ำต่างๆในช่วงน้ำลง อีกทั้งถูกกันจากชายฝั่งโดยทะเลสาปน้ำเค็ม
  • แนวปะการังแบบเกาะ เป็นแนวปะการังที่ก่อตัวในน่านน้ำลึก มีลักษณะเป็นวงแหวนหรือเกือกม้า

ขอขอบคุณที่มา : สัมภาษณ์ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์