svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

เส้นทางสายกรีนของไทย เบอร์ 2 โลกผู้ผลิต ‘ไบโอพลาสติก’ มากที่สุด

อุตสาหกรรมการผลิต “ไบโอพลาสติก” ประเทศไทยขึ้นแท่นอันดับ 2 ของโลก รัฐเดินหน้าจัดการขยะ มุ่งสู่อุตสาหกรรม BCG หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

“ขยะพลาสติก” เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสด้านสิ่งแวดล้อมกำลังถูกยกให้เป็นประเด็นสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ปัญหาขยะพลาสติกในปัจจุบันเกิดจากพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการใช้พลาสติกในปริมาณมากขึ้น อีกทั้งพลาสติกส่วนมากมักเป็นรูปแบบของพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-Used Plastic) จึงเป็นสาเหตุให้เกิดขยะพลาสติกปริมาณมหาศาล และจากการที่พลาสติกสามารถเก็บรวบรวมได้ยาก เนื่องจากมีนํ้าหนักเบา สามารถถูกลมพัดปลิวและกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้ง่ายจึงทำให้เป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อทรัพยากรนํ้าที่มักเป็นแหล่งรองรับสุดท้ายของขยะพลาสติกเหล่านี้

เรื่องของ “การย่อยสลายตัวช้า” เป็นความเข้าใจที่เกี่ยวกับปัญหาพลาสติก เนื่องจากต้องใช้เวลามากกว่าร้อยปีพันปีในการย่อยสลาย จึงทำให้พลาสติกเหล่านี้ตกค้างอยู่ในสภาพแวดล้อม โดยเวลาการย่อยสลายยาวนานนี้เกิดจากโครงสร้างทางเคมีของพลาสติกที่ทำให้มีความทนทาน ไม่สามารถย่อยสลายได้ในระยะเวลาอันสั้นเหมือนใบไม้ใบหญ้า หรือชีวมวลอื่นๆ ด้วยสาเหตุนี้เอง จึงได้มีการพัฒนา "พลาสติกชีวภาพ"  หรือ "ไบโอพลาสติก (Bioplastic)" ขึ้นมาโดยใช้ชีวมวลต่างๆ โดยมุ่งเป้าว่าจะเป็นพลาสติกที่ใช้เวลาในการย่อยสลายน้อยกว่าพลาสติกทั่วไป ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนเป็นอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 2017 และ 2018 ที่มีการผลิตไบโอพลาสติกในปริมาณที่มากขึ้นกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว ไบโอพลาสติกจึงเริ่มเข้ามาทดแทนการใช้งานพลาสติกมากขึ้น โดยในปัจจุบันมีการใช้ไบโอพลาสติกทดแทนพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น ถุงชา ถุงเก็บอาหาร หรือฟิล์มที่ใช้ในการห่ออาหาร นอกจากนี้ยังนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผ้าอ้อมเด็กถุงขยะ หรือส่วนผสมในยางรถยนต์อีกด้วย

ไบโอพลาสติกย่อยสลายได้คืออะไร?

เส้นทางสายกรีนของไทย เบอร์ 2 โลกผู้ผลิต ‘ไบโอพลาสติก’ มากที่สุด

ไบโอพลาสติก (Biodegradable Plastic) คือพลาสติกที่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง มันเทศ ข้าวสาลี ฯลฯ และอีกหลากหลายชนิดที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า สามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Bio Compostable) จนเหลือเพียงน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และสารปรับปรุงดิน (Humus)

 

ประโยชน์ของไบโอพลาสติก 

การสลายตัวได้ทางชีวภาพ

ไบโอพลาสติก มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ นั่นก็คือ เมื่อวัสดุส่วนใหญ่จากไบโอพลาสติกถูกทิ้งให้กลายเป็นขยะ และอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม จะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและเอนไซม์ต่าง ๆ จนทำให้พลาสติกจากพืชเหล่านี้สามารถย่อยสลายเองได้ ซึ่งเมื่อย่อยสลายหมดแล้ว จะกลายเป็นน้ำมวลชีวภาพ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน ในสภาพที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในดิน หรือกองปุ๋ยหมัก โดยไม่ทิ้งสารตกค้างต่อสิ่งแวดล้อม ที่ล้วนแล้วมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชอีกด้วย

ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นของไบโอพลาสติกนั่นก็คือ การไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตได้อีกด้วย เนื่องจากการผลิตพลาสติกปิโตรเลียม หรือแบบทั่วไปนั้น จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน และมลพิษทางอากาศ ไบโอพลาสติกจึงช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างตรงจุด และช่วยเพิ่มความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม

เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

ในขณะที่พลาสติกปิโตรเลียม หรือพลาสติกทั่วไปนั้นอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ เนื่องจากมีส่วนผสมของสารโพลิเมอร์ โมโนเมอร์ หรือสารแต่งเติมในการผลิต ซึ่งล้วนมีอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร หรือระบบผิวหนัง ในขณะที่ไบโอพลาสติกมีส่วนประกอบของพืชและวัสดุธรรมชาติ 100% ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น

สามารถใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม 

ในปัจจุบัน ไบโอพลาสติกยังสามารถพัฒนาประโยชน์ไปสู่การใช้งานในหลากอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมการผลิต ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านการแพทย์ อุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมการเกษตร ที่ต่างเริ่มนำไบโอพลาสติกมาพัฒนาและต่อยอดในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและกลยุทธ์ทางการตลาดให้กับธุรกิจ 

ภาพรวมของอุตสาหกรรมพลาสติกและแผนการในอนาคต

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมพลาสติกทั่วโลก ปัจจุบันมีการผลิต 360 ล้านตัน โดยในส่วนของประเทศไทยผลิตได้ 9.5 ล้านตัน นำเข้า 2 ล้านตัน ส่งออก 5.5 ล้านตัน ที่เหลือใช้ในประเทศ โดยส่วนใหญ่ผลิตเป็นสินค้า commodity สัดส่วน 83% เป็นสัดส่วนการใช้ 75% และผลิตเป็นสินค้า specialty สัดส่วน 17% เป็นสัดส่วนการใช้ 25% รวมแล้วมูลค่าการใช้และส่งออก 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 7.6% ของ GDP และคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมพลาสติกไทยจะโต 3%

ประเทศไทยมีนโยบาย BCG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมไทยด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ (bio economy) อย่างจริงจัง ส่งผลให้ไทยกลายเป็นผู้นำในการผลิต และจำหน่ายพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน และปัจจุบันไทยขึ้นเป็นประเทศที่ผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพสลายตัวได้จากพืชใหญ่อันดับ 2 ของโลก เพราะไทยเองมีวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จากกากอ้อยที่มาจากโรงงานน้ำตาลในประเทศ ซึ่งในไทยขณะนี้จะมีพลาสติกชีวภาพ (bio plastic) 2 ประเภท คือ ที่เป็น PLA หรือเม็ดพลาสติกที่ผลิตขึ้นรูปเป็นสินค้าพลาสติกที่ย่อยสลายได้เอง และอีกส่วนของพลาสติกที่ผลิตขึ้นจากพืชไม่สามารถย่อยสลายได้ แต่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้

เส้นทางสายกรีนของไทย เบอร์ 2 โลกผู้ผลิต ‘ไบโอพลาสติก’ มากที่สุด

“ไบโอพลาสติกไทย” ขึ้นแท่นการผลิตสูงสุดอันดับ 2 ของโลก

ล่าสุด นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพ รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ต่อจากสหรัฐฯ เนื่องจากมีวัตถุดิบ อาทิ อ้อย และมันสำปะหลัง ภายในประเทศจำนวนมากเพื่อการผลิต 

ด้วยศักยภาพกำลังการผลิตของประเทศอยู่ที่ 95,000 ตันต่อปี และมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตอีก 75,000 ตันต่อปี โดยกว่า 90% ของผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเป็นไปเพื่อการส่งออก ส่วนที่เหลือจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งการผลิตพลาสติกชีวภาพไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรของไทยเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นทางเลือกหนึ่งในการจัดการกับปัญหาที่เกิดจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

ตามแผนของรัฐบาล ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีเศรษฐกิจชีวภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ หัวใจของเศรษฐกิจชีวภาพ นั่นคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเน้นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน เข้ามาเป็นวัตถุดิบ ทั้งเพื่อการผลิตพลังงาน การผลิตอาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มอื่นๆ ขณะเดียวกัน โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังสนับสนุนให้ผู้ผลิตนำเอาเทคนิคต่าง ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด หรือไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลชื่นชมผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาศักยภาพ และฝีมือจนทัดเทียมนานาประเทศ ขณะเดียวกันเป็นอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย และขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล นายกฯ เชื่อมั่นว่ารูปแบบทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะทำให้เกิดความสมดุล ยั่งยืนในโลก อย่างไรก็ตามรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเศรษฐกิจไทยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มศักยภาพ เพื่อช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในเวทีระดับสากลต่อไป