
นักเรียนไต้หวันสองคนคือ "หลินรุ่ย" และ "กัวเฉินยู่" ได้พัฒนาแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ที่มีชื่อว่า Disaster Prevention Information Platform (DPIP) ซึ่งความจริงเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2022 และมีผู้ใช้ประมาณ 3,000 ราย จนกระทั่งเกิดเหตุแผ่นดินไหว และแรงสั่นสะเทือนหลายครั้งติดต่อกันในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้แอปดังกล่าวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมียอดผู้ใช้งานกว่า 370,000 รายแล้ว
ชาวไต้หวันต่างตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 บริเวณชายฝั่งตะวันออก เมื่อวันที่ 3 เมษายน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย ทั้งยังมีอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมถึงแผ่นดินไหวมากกว่า 200 ครั้ง ในช่วง 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน
แม้ว่ารัฐบาลจะมีระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวแบบอัตโนมัติ ซึ่งส่งในรูปแบบของข้อความพร้อมกับเสียงเตือนดัง ก่อนที่แผ่นดินไหวจะเริ่มขึ้น แต่ก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้นในบางพื้นที่ ทำให้ระบบไม่ส่งเสียงเตือนก่อนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 3 เมษายน ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ระบบดังกล่าวเป็นวงกว้าง
ขณะที่แอปของนักศึกษาทั้งสองคน นอกจากจะใช้ข้อมูลของรัฐบาลเพื่อส่งต่อไปยังผู้ใช้งานแล้ว ยังสามารถติดตามคลื่นแผ่นดินไหวได้อย่างรวดเร็ว จากเซ็นเซอร์แผ่นดินไหวมากกว่า 130 ตัว ที่ทีมงานติดตั้งทั่วเกาะ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ล่วงหน้าได้นานถึง 30 วินาที ทั้งยังมีฟังก์ชันพิเศษอื่น ๆ เช่น การเปิดไฟฉายอัตโนมัติก่อนเกิดการสั่นสะเทือน
อู๋ เชียนฝู ผู้อำนวยการศูนย์แผ่นดินไหววิทยา สำนักบริหารสภาพอากาศกลาง กล่าวว่าพวกเขาสนับสนุนการพัฒนาเครื่องมือทางเลือกที่ให้วิธีการใหม่ ๆ ในการตอบสนองต่อภัยพิบัติ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตระหนักถึงการเรียกร้องให้ลดระดับขั้นต่ำ สำหรับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการจากระบบของรัฐบาล ซึ่งแต่เดิมเป็นระบบที่ออกแบบมาสำหรับแรงสั่นสะเทือน ที่มีความรุนแรงระดับ 4 ขึ้นไป หรือในระดับที่รุนแรงพอจะเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ทำให้เกิดรอยแตกร้าวบนผนัง หรือขัดขวางการจ่ายไฟหรือน้ำประปา