เอ็กซิตโพลล์ที่จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์ KBS ของเกาหลีใต้ ระบุว่า พรรคประชาธิปไตย (DP) และพรรคสหประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเหมือนพรรคน้อง จะสามารถคว้าที่นั่งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติที่เป็นสภาเดียวประมาณ 178-196 ที่นั่งจากทั้งหมด 300 ที่นั่ง ส่วนพรรคพลังประชาชน (PPP) ที่เป็นพรรครัฐบาล และพรรคอนาคตประชาชน จะได้ที่นั่งรวมกัน 87-105 ที่นั่ง
นอกจากนี้เอ็กซิตโพลล์ของสถานีโทรทัศน์ SBS ระบุว่า พรรค DP และพรรคพันธมิตร จะได้ 183-197 ที่นั่ง ส่วนพรรค PPP และพรรคพันธมิตร จะได้ 85-105 ที่นั่ง และเอ็กซิตโพลล์ของสถานีโทรทัศน์อีก 2 แห่งรายงานตัวเลขในทิศทางเดียวกัน ส่วนผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการคาดว่าจะประกาศได้ในเช้ามืดวันพฤหัสบดี
ฮัน ทง-ฮุน หัวหน้าพรรค PPP แสดงความผิดหวังกับผลเอ็กซิตโพลล์ แต่บอกว่าจะเฝ้ารอผลการนับคะแนนจนกว่าจะเสร็จสิ้น
ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง รายงานว่า จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งน่าจะสูงถึง 29.6 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดเกือบ 44.3 ล้านคน หรือราว 67% ซึ่งจะเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 32 ปีของการเลือกตั้งทั่วไป
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมากต่อระยะเวลาดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่อีก 3 ปีของประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2565 เพราะหากพรรคของเขาไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ก็อาจไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายใหญ่ ๆ ได้ ยิ่งกว่านั้นหากพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคมีเสียงข้างมากรวมกันเกินกว่า 200 เสียง ก็สามารถยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีพ้นตำแหน่งก่อนครบวาระในปี 2570 ได้ด้วย
ปัจจุบันประธานาธิบดียุนเผชิญกระแสความไม่พอใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหลายเรื่อง เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว ราคาบ้านและราคาพืชผักแพง ช่องว่างรายได้ รวมไปถึงการหยุดงานประท้วงของแพทย์ฝึกหัด และการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศเชิงรุก จนละเลยนโยบายภายในประเทศ รวมไปถึงประเด็นร้อนร้อนที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งรับของขวัญที่เป็นกระเป๋าหรูดิออร์
นอกจากนี้นักวิเคราะห์แสดงความกังวลต่อการแบ่งขั้วทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น และมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการแข่งขันกันด้านนโยบายที่ยั่งยืน แต่เป็นการปลุกปั่นและสร้างความกลัวเพื่อบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อฝ่ายตรงข้าม ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าต้องต้องเลือกคนที่ “เลวร้าย” น้อยกว่า