บรรดาเจ้าของกิจการฟาร์มสุนัขราว 200 คน ที่เพาะพันธุ์และเลี้ยงสุนัขเพื่อการบริโภคของมนุษย์ ได้ออกมาเดินขบวนบนถนนด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกแผนการห้ามกินเนื้อสุนัข ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือมานานหลายศตวรรษ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประเด็นขัดแย้งในสังคมสมัยใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเจ้าของฟาร์มยังนำสุนัขหลายตัวใส่กรงแคบ ๆ วางไว้บนท้ายรถกระบะ มาร่วมการประท้วงด้วยความตั้งใจว่าจะเอามาปล่อยในจุดประท้วงด้วย แต่ตำรวจขัดขวางด้วยการเข้าไปตรวจตามหลังรถที่คลุมด้วยผ้าใบ
พรรครัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ได้เสนอกฎหมายห้ามการเพาะพันธุ์และจำหน่ายสุนัขเพื่อการบริโภค พร้อมกับเสนอเงินชดเชยให้แก่คนที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในอุตสาหกรรมนี้ ที่ต้องกิจการลงภายใน 3 ปี ที่จะนำไปสู่การยุติประเด็นขัดแย้งเรื่องการกินเนื้อสุนัข ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากพรรคฝ่ายค้านที่คุมรัฐสภา และจากสาธารณชน
ปัจจุบันมีชาวเกาหลีใต้มากกว่า 6 ล้านครัวเรือน ที่เลี้ยงสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง ในจำนวนประชากรราว 51 ล้านคน และประธานาธิบดียุนกับนางคิม กอน-ฮี ภริยา ก็เลี้ยงสุนัขไว้ถึง 6 ตัว รวมทั้งสุนัขนำทางกับสุนัขค้นหาและกู้ภัยที่เกษียณแล้ว
ผลสำรวจของกัลลัพ โคเรีย (Gallup Korea) เมื่อปี 2565 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 2 ใน 3 ต่อต้านการกินเนื้อสุนัข และมีเพียง 8% ที่ยังกินอยู่เมื่อปีที่ผ่านมา ลดลงจากเดิม 27% เมื่อปี 2558
แกนนำการประท้วงบอกว่า พวกนักการเมืองไม่มีสิทธิ์มามาปิดอุตสาหกรรม หรือตัดสินใจว่าประชาชนจะเลือกกินอะไร...
"เราไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่ามันป่าเถื่อน เพราะทุกประเทศที่สืบทอดการเลี้ยงสัตว์ต่อ ๆ กันมา ก็เคยอยู่ในจุดที่เคยกินเนื้อสุนัข และยังมีอีกหลายประเทศที่ยังทำกันอยู่"
ผู้ประท้วงอ้างว่าถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนในการอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้ ส่วนเงินชดเชยที่เสนอก็ไม่เพียงพอ เพราะพวกเขาต้องสูญเสียอาชีพที่ใช้ในการดำรงชีวิต