สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดการประชุมว่าด้วยความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำเป็นครั้งแรกใน 45 ปีเมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) ตรงกับวันน้ำโลก โดยจะมีผู้แทนจาก 171 ประเทศ และจากองค์กรกว่า 20 แห่งเข้าร่วมการประชุมที่กำหนดจัดนาน 3 วัน
อันโตนิอู กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเปิดการประชุมว่า น้ำเปรียบเหมือนเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษยชาติ แต่เรากำลังทำให้ทรัพยากรน้ำเหือดหายผ่านการบริโภคเกินความจำเป็นราวกับสูบเลือด (vampiric overconsumption) และการใช้น้ำอย่างไม่ยั่งยืน รวมถึง การปล่อยให้น้ำระเหยไปผ่านการทำให้โลกร้อน
เขาบอกด้วยว่า แม้การประชุมครั้งนี้ไม่ได้มุ่งบรรลุข้อตกลงที่มีผลผูกมัดแบบเดียวกับข้อตกลงในการประชุมโลกร้อนที่ปารีสเมื่อปี 2558 หรือข้อตกลงในการประชุมความหลากหลายทางชีวภาพที่มอนทรีออลเมื่อปี 2565 แต่ต้องสามารถออก “วาระพันธกิจเรื่องน้ำ” ที่ชาติต่าง ๆ และผู้แทนจากภาตส่วนต่าง ๆ ประกาศให้คำมั่นตามความสมัครใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และภาครัฐบาลควรดำเนินนโยบายที่ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงน้ำอย่างเท่าเทียม รวมถึงขอให้ประเทศต่าง ๆ ร่วมมือกันข้ามพรมแดนเพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกัน
ขณะที่มีนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายภายในคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับน้ำ ออกข้อเสนอแนะเรื่องน้ำหลายข้อ รวมถึง การทยอยตัดเงินอุดหนุนด้านเกษตกรรมและน้ำราว 700,000 ล้านดอลลาร์ ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันอังคารยูเอ็นเผยแพร่ รายงานการพัฒนาน้ำโลกปี 2023 ระบุว่า โลกกำลังเผชิญวิกฤตน้ำ ที่มีแนวโน้มอาจไม่สามารถควบคุมได้ ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นทั่วโลกเกือบ 1% ต่อปีในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา และเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการดังกล่าว มนุษย์ต้องสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ราว 100-200 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี
รายงานประเมินว่า จำนวนประชาชนในเขตเมืองที่เผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำจะเพิ่มขึ้นจาก 933 ล้านคนในปี 2559 เป็น 1,700-2,400 ล้านคนในปี 2050
นอกจากนี้รายงานระบุด้วยว่า ในปี 2563 ประชาชน 26% ของโลกยังไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย และประชาชน 3,600 ล้านคนหรือ 46% ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขอนามัยขั้นที่มีการจัดการอย่างสะอาดปลอดภัย นอกจากนี้น้ำเสียในครัวเรือนมากกว่า 40% ไม่ได้รับการบำบัดอย่างปลอดภัยก่อนถูกปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมในปี 2563