รู้จัก บิลลี่ ไอลิซ เจ้าของ 7 รางวัลแกรมมี่ ที่วงการเพลงต้องบันทึกชื่อเธอคนนี้ไว้
"บิลลี่ ไอลิช" นักร้อง-นักแต่งเพลง เจ้าของ 7 รางวัลแกรมมี่ เป็นใครมาจากไหน ทำไมวงการเพลงจึงทึ่งกับเธอคนนี้ ศิลปินคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่สามารถกวาดรางวัลไปได้ถึง 4 รายการในเวทีเดียวกัน
ชวนคอข่าว สายบันเทิงเทศ มาทำความรู้จักเธอก่อนการทัวร์เอเชีย รวมทั้งไทย ในเดือนส.ค.นี้ กันดีกว่า
ประวัติ Billie Eilish Pirate Baird O’Connell นักร้องสาวชื่อดังสัญชาติอเมริกัน เธอเกิดวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2001 และเติบโตมากับพี่ชาย ชื่อว่า Finneas O’Connell ในลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พวกเขาเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อแม่เป็นศิลปินและนักแสดง สำหรับ Billie Eilish ประวัติในวัยเด็กของเธอนั้นน่าสนใจเลยทีเดียว ในตอนที่เธอกับพี่ชายยังเด็ก Maggie Baird แม่ของเธอได้เขียนเพลงและมี Patrick O’Connell พ่อของเธอเป็นคนเล่นเครื่องดนตรีอย่างเช่น เปียโนและอูคูเลเล่ การที่เติบโตท่ามกลางบรรยากาศแห่งเสียงดนตรีนี้ทำให้เธอและพี่ชายเกิดความหลงใหลในเสียงดนตรี และเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำอาชีพเกี่ยวกับมัน
ที่สุดบนเวที Grammy Awards 2020
บิลลี่ สามารถคว้ารางวัลแรกบนเวที Grammy Awards 2020 เมื่ออายุเพียง 19 ปีเท่านั้น โดยเธอสามารถคว้ารางวัลจากเวทีนี้ถึง 4 รายการ ได้แก่
- Best New Artist
- Best Pop Vocal Album
- Album of the Year
- Song of the Year
ส่งผลให้ บิลลี่ ไอริช ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่สามารถกวาดรางวัลไปได้ถึง 4 รายการในเวทีเดียวกัน ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าจะได้รับรางวัล เพราะเพลง Bad Guy ที่เธอแต่งเอง และได้รับรางวัล Song of the Year หรือบทเพลงแห่งปี ในปีนั้น เป็นเพียงเพลงที่เธอแต่งเล่นๆ สนุกๆกับพี่ชาย
แม้ว่าชีวิตวัยเรียนของเธอส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนอยู่ที่บ้าน เธอรับการศึกษาแบบโฮมสคูลจนอายุ 8 ปีจึงได้เข้าร่วมวงคอรัสเยาวชน Los Angeles Children's Chorus ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บิลลี่ได้เริ่มร้องเพลงตั้งแต่ยังเด็ก เธอเริ่มเขียนเพลงตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยมีฟินนีส พี่ชาย เป็นไอดอลต้นแบบ เพราะฟินนีสเองก็ได้เริ่มเขียนเพลงและโปรดิวซ์เพลงของตัวเองให้กับวงดนตรีของเขาไปก่อนหน้าแล้ว
Billie Eilish เธอก็ยังเข้าร่วมกิจกรรมภายนอกด้วย เธอเข้าร่วมวงร้องประสานเสียงตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และเมื่อเธออายุได้ 11 ปี เธอก็เริ่มเขียนเพลงและทำเพลงด้วยตัวเอง นอกจากดนตรีและการแสดงแล้ว สิ่งที่เธอรักมากอีกอย่างหนึ่งก็คือการเต้น ถึงแม้ในปัจจุบันเธอจะเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ แต่อันที่จริงแล้วความฝันในวัยเด็กของเธอคือการเป็นนักเต้น ความฝันในการเป็นนักเต้นของเธอพังทลายลง เมื่อตอนที่เธออายุ 13 ปี เธอประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงที่บริเวณสะโพกในระหว่างการเต้น อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เธอไม่สามารถกลับมาเต้นได้อีกและมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย ถึงแม้ว่าอาการของโรคซึมเศร้าจะทำร้ายเธออย่างสาหัส แต่เธอก็ยังมีชีวิตต่อไปและร่วมมือกับพี่ชายทำในสิ่งที่พวกเขารักมาตั้งแต่เด็ก นั่นคือการร้องเพลง
หลายคนจึงอาจไม่รู้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของสาวน้อยมากความสามารถในวงการเพลงคนนี้ ซึ่งเธอบอกเองว่าถ้าไม่มี “เขา”คนนี้ ก็คงไม่มีเธอในวันนี้ คนๆ นั้นซึ่งเป็นลมใต้ปีกสวยๆ ของเธอ ก็คือ “ฟินนีส โอคอนเนลล์” (Finneas O'Connell) คนนั้นก็คือพี่ชายแท้ๆ ที่แสนดีของเธอ นั่นเอง
“เรารู้ใจกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เขามองเห็นหนูในแบบที่หนูเป็นจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตการเป็นศิลปินของหนู” บิลลี่ เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพี่ชายว่าอย่างนั้น เบื้องหลังความสำเร็จของเธอไม่ใช่โปรดิวเซอร์ชื่อดัง แต่เป็นคนในครอบครัวที่เป็นคนสนิทและเข้าใจเธอดีอย่างพี่ชายคนนี้ ทำให้เพลงของเธอแต่ละเพลง มีความเป็นตัวของตัวเองสุด ๆ
แม้ว่าเธอจะเป็นศิลปินคนดังที่อายุน้อยคนหนึ่ง
แต่เส้นทางการเป็นนักร้องของเธอกว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บิลลี่ เกิดที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเป็นลูกสาวของแม็กกี้ เบร์ด และ แพทริค โอคอนเนลล์ ทั้งพ่อและแม่ของเธอเป็นบุคคลในวงการบันเทิง ชื่อ “ไอลิช” ที่เธอใช้ในวงการมาจากภาษาไอริช ที่หมายความว่า "เอลิซาเบธ" เนื่องจากเธอมีบรรพบุรุษเป็นชาวไอริชและสกอตแลนด์
อีพีแรกของบิลลี่ ไอลิช มีชื่อว่า Don't Smile at Me (พ.ศ. 2560) ติดในท็อป 15 ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ตามมาด้วยซิงเกิล "Bellyache" ไอลิชยังได้ร่วมงานกับ “คาลิด” นักร้องชาวอเมริกัน ในซิงเกิล "Lovely" ออกจำหน่ายในเดือนเมษายน 2560 และอยู่ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ในซีซันที่ 2 ของซีรีส์ “13 Reasons Why”
สตูดิโออัลบั้มแรก เป็นสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวที่ชื่อ When We All Fall Asleep, Where Do We Go? (พ.ศ. 2562) ขึ้นอันดับ 1 บนบิลบอร์ด 200 รวมถึงสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย อัลบั้มมี 4 ซิงเกิลที่ติดใน 40 อันดับของอเมริกา คือ
• When the Party's Over
• Bury a Friend
• Wish You Were Gay
• และ Bad Guy ซึ่งคว้ารางวัล Song of the Year หรือบทเพลงแห่งปีจากเวที Grammy Awards 2020
ผลงานสุดปัง ในปี 2020 เธอได้คว้ารางวัลใหญ่จากเวทีระดับโลกอย่าง Grammy Awards ครั้งที่ 62 มาถึง 4 รางวัล โดยรางวัลที่เธอได้รับนั้นคือศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม บทเพลงแห่งปี บันทึกยอดเยี่ยมแห่งปี และอัลบั้มแห่งปี หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่ามีศิลปินท่านอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลจากเวลาทีนี้มากกว่าเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ทั่วโลกสนใจกับการได้รับรางวัลของ Billie Eilish เป็นพิเศษนั่นก็เพราะว่า เธอเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Grammy Awards ที่สามารถคว้ารางวัลบทเพลงแห่งปีไปครองได้ ซึ่งในขณะนั้น เธอมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น โดยผลงานเพลงที่ทำให้เธอคว้ารางวัลมาได้ก็คือเพลงสุดฮิตที่มีชื่อว่า Bad Guy นั่นเอง
ในวันที่ 30 ก.ค. 2021 ไอลิชปล่อยสตูดิโออัลบั้มลำดับที่สองในชื่อ Happier Than Ever ซึ่งประกอบด้วยเพลง 16 เพลง (มี 3 เพลงที่ไอลิชได้ออกเป็นซิงเกิลก่อนหน้านี้แล้ว ได้แก่ My Future , Therefore I Am และ Your Power)
นอกจาก 7 รางวัลแกรมมี่แล้ว เธอยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 10 สาขารางวัล และเพลงของเธอมียอดสตรีมมากกว่า 73 พันล้านครั้งทั่วโลก บิลลี่ ไอลิช เป็น 1 ในซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 นับตั้งแต่การเปิดตัวซิงเกิลแรกของเธอ (Ocean Eyes ในปี 2015) นักวิจารณ์กล่าวว่า เธอทำลายเพดานทางดนตรีด้วยเสียงร้องที่ท้าทายแนวเพลงของเธอ และก้าวข้ามกำแพงไปได้อย่างรวดเร็ว
แว่วๆ สิงหาคมนี้ บิลลี่ ไอลิชจะเดินทางมาเปิดการแสดงในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งคอนเสิร์ตของเธอที่กรุงเทพจะมีขึ้นในวันพุธที่ 24 สิงหาคม ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี จัดโดยไลฟ์ เนชั่น เทโร
โชว์นี้จะเป็นการแสดงสดครั้งแรกของเธอในภูมิภาคเอเชียหลังจากเปิดตัวอัลบั้มชุด Happier Than Ever ที่ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตอัลบั้มทั่วโลก และได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์เพลงมากมาย
หลายคนอาจคิดว่าชีวิตของเธอช่างน่าอิจฉา แต่ประวัติ Billie Eilish ไม่ได้มีแค่ด้านที่สวยงามเท่านั้น ชีวิตการเป็นศิลปินของเธอนั้นไม่ง่ายอย่างที่ใครๆ คิด เพราะในช่วงชีวิตอายุ 13 – 16 ปี มันอาจเป็นช่วงเวลาที่สดใสที่สุดสำหรับใครหลายๆ คน แต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของเธอ เธอต้องต่อสู้กับอาการของโรคซึมเศร้ามาตลอด ปัญหาสุขภาพจิตนี้เกิดจากความผิดหวังอย่างรุนแรงเกี่ยวกับความฝันจะเป็นนักเต้นของเธอ
“มันเหมือนกับถูกส่งลงไปอยู่ในหลุม ฉันผ่านช่วงเวลาที่ทำร้ายตัวเองมาหมด เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในนั้น แต่ส่วนสำคัญของมันคือฉันรู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับความเจ็บปวด”
เธอให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของเธอเอาไว้ว่าโรคร้ายนี้เคยทำให้เธอทำร้ายตัวเองมาแล้ว โดยมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่เธออายุ 13 เธออธิบายความรู้สึกของเธอในช่วงเวลานั้นว่า
“มันเหมือนกับถูกส่งลงไปอยู่ในหลุม ฉันผ่านช่วงเวลาที่ทำร้ายตัวเองมาหมด เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในนั้น แต่ส่วนสำคัญของมันคือฉันรู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับความเจ็บปวด” ถึงตอนที่เธออายุ 17 อาการซึมเศร้าดีขึ้นเพราะเธออยู่กับมันได้แล้ว แต่ Billie Eilish ก็ยังต้องเจอกับปัญหาอื่นอยู่ดี
การที่เธอกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน ทำให้ชีวิตเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และนั่นทำให้เธอเป็นโรคแพนิก มันเกิดจากการที่เธอต้องออกจากพื้นที่ที่สบายใจและปลอดภัยที่สุด นั่นคือบ้านของเธอ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นศิลปินเธอใช้ชีวิตไปกับการออกไปทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ตลอดเวลา ต้องไกลบ้านและเดินทางไปเรื่อยๆ จนปัญหาสุขภาพจิตทำให้เธอต้องนอนร้องไห้อยู่บ่อยๆ มันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมากสำหรับเธอ
แต่เธอยังคงสู้ต่อไป และสิ่งที่เยียวยาหัวใจเธอได้คือการที่ได้ร้องเพลงต่อหน้าแฟนๆ ที่เธอรัก สำหรับ Billie Eilish ประวัติและความสามารถของเธอได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นศิลปินอย่างแท้จริง!!
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก ทุกท่านที่ชื่นชอบศิลปินคนเดียวกัน ดังนี้
: thefamouspeople.com, teenvogue.com, bangkokbiznews.com / DIY INSPIRE NOW