จบลงไปแล้ว สำหรับเวทีการประกวดสาวงามข้ามเพศระดับนานาชาติ มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน 2019 ที่โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา โดยสาวงามจากสหรัฐอเมริกา 'เจเซลล์ บาร์บี รอยัล' วัย 32 ปี ผู้ประสานงานชุมชน และ HIV Tester ก็เป็นผู้คว้ามงกุฎไปครอง ส่วนรองอันดับหนึ่งได้แก่สาวงามจากประเทศไทย เอสม่อน - กัญญ์วรา แก้วจีน และรองอันดับสองได้แก่ ญาญ่า จากประเทศจีน
โดย เจเซลล์ บาร์บี้ รอยัล ผู้ชนะ ถือเป็นตัวเต็งคนหนึ่งในการประกวดครั้งนี้ ซึ่งเธอประเดิมด้วยการคว้ารางวัลการแสดงความสามารถพิเศษยอดเยี่ยมมาก่อนแล้ว และเอาชนะใจกรรมการด้วยการตอบคำถามที่ชาญฉลาด โดยคำถามรอบตัดสินที่ถามเธอว่า คุณคิดว่าเรื่องไหน ที่โลกจำเป็นต้องรู้มากที่สุด เจเซลล์ตอบว่า เรื่องที่โลกจำเป็นต้องรู้ ก็คือเรื่อง HIV และ AIDS เป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุดที่ต้องได้รับการบอกกล่าวให้ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ โลกจำเป็นต้องทราบว่าเรามีทางเลือก คนบางคนอาจจะไม่ทราบว่ามีตัวยาที่ชื่อว่า PEP เพื่อจัดการกับพิษร้ายนี้ ในฐานะ มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน ฉันขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะขอเป็นกระบอกเสียงส่งผ่านความรู้ในสิ่งนี้ให้โลกได้รับทราบว่า PEP คือยาที่คุณต้องรับประทานทุกวัน และมันช่วยคุณได้ มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 90 ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นผู้ป่วย เอชไอวีหรือเอดส์ คุณมีเวลา 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์เพื่อไปพบแพทย์ และขอยา PEP จากแพทย์ และต้องทานต่อเนื่องจนครบ 30 วัน และจะป้องกันคุณจากการติดเชื้อเอชไอวีได้ โลกจำเป็นต้องทราบเรื่องนี้ และในฐานะมิสอินเตอร์เนชันแนลควีน ฉันขอกระจายความรู้นี้ไปทั่วโลก
.
ส่วนรางวัลอื่นๆ ได้แก่
รางวัลชุดราตรียอดเยี่ยม ราฟาเอลา มานฟรินิ ประเทศบราซิล
รางวัลชุดแต่งกายชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ได้แก่ ทิฟฟานี่ โคลแมน ประเทศนิคารากัว รางวัลขวัญใจช่างภาพ ได้แก่ กานต์วรา แก้วจินต์ ประเทศไทย รางวัล Best Introduction Video ได้แก่ โด นัท ฮา ประเทศเวียดนาม รางวัลนางงามมิตรภาพ ได้แก่ ญาญ่า ประเทศจีน โดยเวทีมิสอินเตอร์เนชันแนลควีนปีนี้ มีสาวงามข้ามเพศจาก 20 ประเทศเข้าร่วมการประกวด ได้แก่ บราซิล แคนาดา จีน เอกวาดอร์ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ลาว มาเลเซีย เมียนมา เม็กซิโก เนปาล นิการากัว เปรู ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม เวเนซุเอลา และเจ้าภาพ ไทย มีธีมหลักของการประกวด คือการรณรงค์เรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ และส่งเสริมให้ประเทศไทยและทั่วโลก มีมุมมองต่อเพศทางเลือกที่เปิดกว้างมากขึ้น และสร้างความภาคภูมิใจในตัวตน