"อย่างตอนนั้นที่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวขึ้นมา ก็คือคุยว่าต่างคนต่างไปจัดการเรื่องของตัวเอง ซึ่งเขาก็ไปจัดการเรื่องของเขาทำให้เห็นว่า สิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง ในวันนี้ทางกฎหมายเขาก็เป็นโสดแล้ว เราคือมีโอกาสได้คุยกัน เขาก็บอกว่าเขาขอพิสูจน์ตัวเอง อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาจะดีพอสำหรับชีวิตของเราไหม เพราะว่าที่ผ่านมาเขาก็รู้สึกผิดกับจ๋า ว่ามันมีเรื่องวุ่นวาย อย่างตอนนี้จ๋าก็โฟกัสที่ตัวของจ๋าก่อน อยากทำชีวิตให้ดี เพราะช่วงที่แล้วก็ยอมรับว่าเซ เพราะว่าเรื่องมันไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย เราไม่ขอพูดถึงแล้วกัน แต่ว่าจ๋าก็รู้สึกว่างั้นจ๋ามาโฟกัสที่ชีวิตตัวเองเหมือนกับที่เคยตั้งใจไว้อะไรที่มันดีก็อยากให้อยู่ที่ชีวิต อะไรที่ไม่ดีก็พยายามที่จะสกรีนออก "
ต้องจัดสรรอย่างไรบ้างทั้งชีวิตและการงาน
"ไม่ได้จัดสรรขนาดนั้นแต่ว่าสิ่งที่ต้องจัดเลยคือครอบครัว และเรื่องของงาน จ๋าโชคดีมากเลยที่คนเข้าใจจ๋าเยอะ ตอนแรกจ๋ากังวล กลัวกระทบงาน แต่ปรากฏว่างานยังไหลเข้ามาเรื่อยๆ หลังจากช่วงที่เริ่มเคลียร์แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีภาพยนตร์กำลังเข้าเดือนธ.ค. แล้วก็มีละครเข้ามา 3 เรื่อง แต่ว่าคงได้รับแค่เรื่องเดียวทำไม่ไหว "
รู้สึกอย่างไรบ้างที่คนไม่ได้ตัดสินจากข่าวซะทีเดียว
"ดีใจ เพราะว่าจ๋ายืนในวงการนี้มา 10 กว่าปี จะ20 ปี มีผลงานเป็นตัวพิสูจน์และจ๋าคิดว่าความจริงใจของจ๋า คืออย่างไรจ๋าก็ไม่ใช่คนโกหก บางอย่างที่มันเกิดแล้วมันไม่ดีกับเรา เราก็พูดอธิบายในเรื่องจริง เราคิดว่าเราแมนพอที่เราจะพูดความจริงต่อหน้าทุกคน เขาก็เหมือนกันจ๋าคิดว่าคนที่เป็นกลางคงเข้าใจว่า คนโกหกคงไม่ออกมาพูดหน้าสื่อขนาดนี้ ไม่ได้โกหก"
สำหรับเราเราติดอะไรในตัวเขาอีกหรือเปล่า
"ไม่มีอะไร ตอนนี้ตัวเองต่างคนต่างทำชีวิตให้ดี ถ้าเกิดว่าเขายังอยากขอโอกาสที่จะพิสูจน์ไม่ใช่แค่ตัวจ๋าเองแต่ว่าเป็นพ่อแม่จ๋า"
เพราะว่าพ่อแม่เราเป็นห่วงเขาข่าวนี้มาก
"ห่วง อันนี้จ๋าพูดอะไรเยอะไม่ได้ แต่ว่าในความเป็นจริง จ๋าอยากให้ลองย้อนกลับไปมองว่าตั้งแต่วันแรก ที่มีเรื่องเขาก็ปกป้องเรานะ เขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่อง แต่ว่าเรื่องมันมาพร้อมตัวเขามากกว่า"
ตอนนี้ยังมีกระแสสังคมมาวุ่นวายหรือเปล่า
"ไม่มี ทุกอย่างน่าจะเคลียร์จบ แล้วตอนที่เขาสองมีเคลียร์กันเราก็ออกมา ใช้ชีวิต"
เหมือนเขาจีบเราใหม่เลยไหม
"มันไม่ใช่จีบหรอก มันคือ พิสูจน์เหมือนกับว่าก็ใช้ชีวิตแหละ ทำให้เห็นว่าดีไหม อย่างที่บอกคือที่ผ่านมาเขาก็เกรงใจ รู้สึกแย่ที่ลากเราไปเจอในสิ่งที่ไม่ดี "
พอพิสูจน์อย่างนี้มีเห็นอะไรเปลี่ยนในตัวเขาไหม
"เขาก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะคะในความเป็นจริง คนที่พูดส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องจริง"
วันนี้เราสบายใจมากขึ้น
"ก็สบายใจมากขึ้นในเรื่องนั้น แต่ว่าการตัดสินในชีวิตตัวเองก็ยังจะยืนยันว่า เอาตัวเองก่อนและทำให้ดี แล้วใครที่ดีกับชีวิตเราก็ค่อยๆดู "
วันเกิดที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
"วันเกิดที่ผ่านมาไปทำบุญมา อย่างจ๋าก่อนหน้านี้สัก4-5 ปีพอถึงวันเกิดก็คิดแล้วว่าจะจัดงานธีมอะไรดี แต่พอ4-5 ปีหลัง เราก็ทำบุญ เราทำการกุศลทุกปี ปีนี้ปีที่ 5 เราทำกิจกรรมเล็กชื่อว่า warmuscharity ทุกปีจะขายของ และรับเงินบริจาคไปบริจาคแต่ละที่ต่างๆกัน อย่างปีนี้ เราก็วาดรูปแล้วก็ดีไซน์เป็นหมวก เอาเงินไปช่วยที่โรงพยาบาลบ่อเกลือจังหวัดน่าน เพราะว่าเราไปหาข้อมูลมา โรงพยาบาลนี้มี 20 เตียงแต่ว่าคนที่เขาต้องดูแลมีกว่า 14,000 คน เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ แต่ว่าในอาณาเขตนั้นมีคนอยู่ 14,000 คน เวลาเขาป่วยเขาก็ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาลนี้ แต่หากป่วยพร้อมกันก็จะแย่หน่อย แล้วเพื่อนๆจ๋าก็ช่วยกันบริจาคอยู่แล้ว คนข้างนอกเห็นในไอจก็บริจาคเข้ามา เราก็ส่งหมวกให้เขา"
ถามคนร่วมทำบุญด้วยต้องติดตามอย่างไร
"อยู่ในไอจีของจ๋า มีแฮชแท็ก #warmuscharity สามารถเข้าไปดูได้ มีทั้งช่วยเหลือสัตย์ ช่วยเหลือเรื่องเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่ม"
มันดีต่อใจเราแค่ไหนที่เมื่อก่อนจัดปาร์ตี้แล้วตอนนี้มาทำแชร์ริตี้ อะไรทำให้คิดได้
"สมัยนู้นเลิกกับแฟนแล้วกลับมาดูตัวเอง แล้วคิดว่าเรามีความสุขกับอะไรกันแน่ ตอนนั้นก็คิดขึ้นมาว่า พอเราเลิกกับเขา คือตอนนั้นเราจะไปโฟกัสเรื่องความรักเยอะ แล้วคราวนี้มาโฟกัสว่าถ้าไม่ได้มองเรื่องความรักเรามีอะไรอยู่บ้าง ก็เรียนยังไม่จบ เราก็เลยตั้งใจว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเรียนให้จบ เรียนจบแล้วอยากเป็นคนที่ดีขึ้น แล้วคนที่ดีเขาก็ต้องคืนให้สังคม เราก็เลยไม่มองแค่ว่าตัวเราจะมีความสุขอย่างไร เราลองดูว่าเรามีค่าอย่างไรมากกว่า เราก็เลยเรียนให้จบ ทำบุญให้เยอะ แล้วลองเริ่มจากตรงนั้นแล้วพอ ให้แล้วมีความรู้สึกมีค่า เกิดมาแล้วมีคุณค่า ดีกว่าใช้ชีวิตแบบหาเงินได้แล้วใช้เล่นสนุกไปวันๆ "
การให้ที่ไม่หวังผล
"จ๋าไม่หวังผล จ๋าก็คิดว่าคนที่ทำคงไม่ได้หวังอะไรนอกจากความสุขทางใจ จ๋าเคยไปจัดกิจกรรมที่บ้านพักคนชรา แล้วพอเราจัดไป ผู้สูงอายุเขามีความสุข ร้องไห้ เราดีใจ เราก็คิดว่าถ้าเราทำเท่านี้แล้วมีความสุขขนาดนี้ แล้วถ้าเราทำเพิ่ม มากขึ้น คนคงมีความสุขมากขึ้น งั้นเราก็คิดว่าเราก็ทำแบบนี้แหละ แล้วถ้าเราแข็งแรงขึ้นเราก็ให้เพิ่มมากขึ้น แต่ว่าเราก็ทำตามกำลังนะคะ ทุกวันนี้มันไม่ใช่แค่ตัวจ๋าคนเดียว เราขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆเขาก็ช่วย อย่างมีครั้งหนึ่งจ๋าร่วมกับเพื่อนทำแชร์ริตี้เกี่ยวกับการให้ความรู้เรื่องโรคซึมเศร้าเพราะว่าน้องสาวจ๋าเสียด้วยโรคนี้ ชื่อโรคซึมเศร้าเราเข้าใจ แล้วมาปีนี้จ๋าอยากไปทำที่โรงพยาบาล เรามีกำลังเท่าไรเราก็ทำเท่านั้น เราชวนคนที่เพื่อนๆเรามาทำด้วย สิ่งที่ได้คืนมาคือเรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และทำอะไรได้เยอะขึ้น"