svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

เยือนถิ่นผ้าคราม ไหว้พระชมแดนอีสาน "สกลนคร-นครพนม"

เราจะพาไปคุณผู้ชมไปเที่ยวแดนอีสาน นั่นก็คือจังหวัดสกลนคร-นครพนม ไปเรียนรู้เทคนิคการยอมคราม ไหว้พระและร่วมพิธีบวงสรวงพญานาคเพื่อความเป็นสิริมงคลกันด้วย แถมนั่งรถรางชมสถานที่สำคัญต่างๆริมแม่น้ำโขง

เดินทางมาไกลถึงจังหวัดสกลนคร ก็มุ่งหน้ามาที่กลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านคำข่าเลยค่ะ พลาดไม่ได้กับกิจกรรมการทำผ้ามัดย้อม ซึ่งครั้งนี้เราได้มีโอกาสมาฟังแม่พิระ ประเสริฐก้านตง ที่เป็นปราชญ์ชาวบ้านมาสอนการย้อมคราม เริ่มตั้งแต่การมัดผ้าและนำมาย้อมในหม้อครามเป็นการย้อมแบบธรรมชาติเรียกว่าย้อมเย็น จะเห็นได้ว่าเสื้อผ้า ชุดและผ้าพันคอสวยๆที่ย้อมด้วยครามนั้นจะดูแปลกตามีลายใหม่ๆบนผ้าให้เลือกมากมาย แต่กว่าจะสวยงามขนาดนี้ก็มีเทคนิคการย้อมอย่างไรบ้างต้องตามไปดูกัน
นอกจากการย้อมเย็นแล้ว ยังมีการย้อมร้อนก็คือการย้อมประดู่นั่นเอง สีที่ได้จากการย้อมจะออกเป็นสีน้ำตาลส้มๆ เป็นการย้อมแบบธรรมชาตินำผ้าไปต้มกับเปลือกประดู่ที่เคี้ยวไฟอยู่ เราลองตามไปดูกันค่ะ ว่าเขาย้อมกันอย่างไรแตกต่างจากการย้อมครามหรือไม่ หลังจากเอาผ้าลงไปย้อมในหม้อครามหรือหม้อต้มประดู่แล้ว ก็ต้องนำเสื้อไปไลล้างน้ำสะอาดออกก่อนหรือจะใช้น้ำยาซักผ้าของเด็กแบบอ่อนๆไปซักก็ได้เพื่อถนอมผ้า แต่รับรองได้ว่าสีของการย้อมนั้นเป็นอมตะแน่นอนเพราะเป็นการย้อมแบบธรรมชาติ นอกจากย้อมเสื้อผ้าแล้วครามยังสามารถนำไปใช้ทำอย่างอื่นได้มากมาย อย่างนิทรรศการสะกะละของคนรุ่นใหม่ชาวสกล ก็นำภูมิปัญญา บวกกับความคิดสร้างสรรค์ทำเป็น สมุดหน้าปกย้อมคราม การ์ด กระเป๋าผ้าครามทั้งใบเล็กใบใหญ่ ผ้าพันคอสวยๆอีกเพียบ สมแล้วที่ครามคือเอกลักษณ์ของจังหวัดสกลนคร
ต่อด้วยการเดินทางไปที่วัดถ้ำผาแด่น เลือกดอกไม้ธูปเทียนขึ้นไปกราบไหว้หลวงปู่ทวด เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้ปลอดภัยและราบรื่น ซึ่งวัดถ้ำผาแด่นนี้มีหินแกะสลักเป็นรูปครุฑและรูปพระในปางต่างๆสวยงามอย่างมากช่วงค่ำก็เดินทางไปที่วัดพระธาตุเชิงชุม นำสวดมนต์โดย อาจารย์คฑา ชินบัญชร กราบสักการะพระธาตุเชิงชุมและรอยพระพุทธบาทที่อยู่ภายในพระธาตุ พร้อมทั้งไหว้พญาสุวรรณนาคราชพญานาคองค์สีทองที่เชื่อกันว่าคอยปกปักคุ้มครองพระธาตุเชิงชุมแห่งนี้ บรรยากาศที่วัดพระธาตุเชิงชุมยามค่ำคืนก็สวยงามไม่แพ้กับตอนเช้าเลย
ยังคงไหว้พระขอพรเสริมบารมีกันอย่างต่อเนื่อง เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ได้เดินทางมาที่พระธาตุเชิงชุมอีกครั้งเพื่อสวดมนต์และนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้จิตใจผ่องใส พร้อมทั้งกราบสักการะหลวงพ่อพระองค์แสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปเชียงแสน พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปนมัสการพระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เสริมบารมีปีระกา พระธาตุประจำผู้เกิดปีวอกและผู้เกิดวันอาทิตย์ พิธีบวงสรวงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเสริมโชคลาภ บารมี ขึ้นชื่อว่าบวงสรวงแล้วก็ต้องเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก เป็นการเปิดบารมีรับทรัพย์จากพญานาค แต่ใช่ว่าจะขอพรแล้วรวยคนเราจะต้องมี ศรัทธา ศีล หิริ โอตัปปะ พหุสัจจา จาคะ และปัญญาด้วย จึงจะประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้ ซึ่งอ.คฑา ชินบัญชรได้เป็นผู้นำพิธีพาผู้ร่วมทริปสวดมนต์อธิษฐานจิตในงานบวงสรวงพญานาคอริยทรัพย์7ตนประจำ4ทิศ พร้อมทั้งให้เขียนชื่อของแต่ละคนลงบนผ้าสีเหลืองเพื่อที่จะนำไปห่มพระธาตุพนมด้วย หลังจบพิธีบวงสรวงอ.คฑาก็มอบเหรียญพญาไก่เถื่อนเสริมบารมีคนเกิดปีระกาและแบงค์นำโชคให้ด้วย ต่อจากนั้นก็ไปนั่งรางชมเมืองนครพนมริมฝั่งแม่น้ำโขงกันค่ะ สถานที่แรกที่เราแวะชมกันก็คือพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตึกเป็นสีเหลืองเด่น นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมดีเด่นในจังหวัดนครพนม มีความสวยงามโดยเฉพาะ ได้รับอิทธิพลในรูปแบบการก่อสร้างจากฝรั่งเศส เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาวนครพนม และมีนิทรรศการ "ภาพเล่าเรื่อง" ในอดีตของเมืองนครพนมด้วย จากนั้นก็นั่งรถไปต่อกันที่จุดสำคัญของจังหวัดนครพนมนั่นก็คือแลนด์มาร์ค"พญาศรีสัตตนาคราช" เป็นพญานาค7เศียร พ่นน้ำ เป็นพญานาคที่คอยปกปักคุ้มครองฝั่งลาว จังหวัดนครพนมได้สร้างขึ้นองค์ใหญ่หนัก 9.5 ตันหันหน้าไปทางแม่น้ำโขงฝั่งลาว เรียกว่าทริปนี้เป็นทริปที่สนุกสนานครบรส อิ่มบุญอิ่มใจ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตคนอีสานสถานที่สำคัญของจังหวัดสกลนครและนครพนมกันไปแบบเต็มอิ่ม ต้องขอขอบคุณโฮโรไลฟ์พลับลิชชิ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและสายการบินแอร์เอเชียที่จัดทริปดีๆแบบนี้ขึ้น ใครที่สนใจไปเที่ยวและกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ก็สามารถเดินทางไปกันได้