
Sutti Sayana Sambula เป็นตอนที่คณะหุ่นกระบอกทเว อู ของพม่า หยิบยกมาแสดงให้ชาวไทยได้ชมกัน โดยเนื้อหาเล่าถึงพระโสตถิเสนกุมาร ป่วยเป็นโรคเรื้อนจึงหลบหนีเข้าป่า แต่ได้พระนางสัมพุลา อัครมเหสีตามไปดูแล ครั้งหนึ่งนางออกมาอาบน้ำแล้วพบกับอสูรจะจับไปเป็นภรรยา แต่ท้าวสักกะได้มาช่วยไว้ ด้านพระโสตถิเสนกุมารได้แอบดูและลองใจนางจึงถามว่า หายไปไหนมาค่ำมืด พระนางสัมพุลา ก็เล่าความจริงให้ฟังแต่สามีไม่เชื่อ นางจึงตั้งสัจจกิริยาหากพูดความจริงขอให้น้ำที่รดกายสามีสามารถล้างโรคเรื้อนออกไปได้ ทันใดนั้นก็เป็นดั่งคำสัตย์ของพระนางสัมพุลา พระโสตถิเสนกุมารหายขาดจากโรคเรื้อน แล้วทั้งสองก็พากันกลับเมือง ทันทีที่พระโสตถิเสนกุมารกลับเข้าเมืองก็ไม่สนใจพระนางสัมพุลา มเหสีที่คอยอยู่เคียงข้างยามป่วยไข้ แต่กลับหลงไหลอยู่กับเหล่านางสนม ทำให้มเหสีเศร้าใจมาก ครานั้นพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพระสัสสุรดาบถผู้เป็นบิดา เรียกว่าโสตถิเสนกุมารมาตักเตือนว่า ให้นึกถึงยามลำบากที่่พระนางสัมพุลาคอยดูแลอยู่ด้วยกันในป่าค่ะ ซึ่งนิทานชาดกเรื่องนี้ได้สอนให้รู้ว่า หญิงที่คอยช่วยเหลือสามีนั้นหาได้ยาก ไม่ควรมองข้ามคุณค่าของหญิงนั้น โดยในการแสดงหนุ่มกระบอกของคณะหนุ่นกระบอกเท อู ครั้งนี้ ยังต้องการสื่อให้เห็นความเก่ง ฉลาด มีไหวพริบ และความเสียสละของผู้หญิง เหมือนนางอองซาน ซูจี นักต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยแห่งพม่า เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
ละครหุ่นสายหรือหุ่นกระบอกพม่า เป็นศิลปะการแสดงแบบประเพณีดั้งเดิมที่ได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนัก ถือเป็นการแสดงระดับสูง แต่หลังจากพม่ากลายเป็นเมืองอาณาณิคมของอังกกฤษ การแสดงหุ่นสายของพม่าก็ปรับตัวมาสู่สามัญชน
ด้านเจ้าของคณะหุ่นกระบอก ทเว อู ยังบอกว่าเคยรับชมการแสดงหุ่นกระบอกของประเทศไทยมาหลายครั้ง เขาเองยังชื่นชมการแสดงหุ่นกระบอกของไทย และมองว่าหุ่นกระบอกแต่ละคณะมีลักณะพิเศษไม่ต่างกัน อยู่ที่การตีความหมาย ดำเนินเรื่องว่า การแสดงแต่ละครั้งต้องการสื่อสารอะไรถึงคนดูสำหรับการแสดงหุ่นกระบอก สามารถชมได้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะบุคคลชั้นสูงเท่านั้น และสำหรับคณะผมก็ทำมาเพื่อให้ทุกคนได้ชมกัน
สำหรับใครที่ต้องการรู้จักประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างพม่ามากยิ่งขึ้น ทั้งด้านวัฒนธรรมประเพณี แนวคิด ไลฟ์สไตล์และความสัมพันธ์ไทย-พม่า สามารถเข้าชมนิทรรศการ พม่าระยะประชิดได้ตั้งแต่วันนี้-31 กค. ที่มิวเซียมสยาม ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ