นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,380.18 จุด ลบ 7.51 จุด หรือ -0.54 % โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุด 1,390.04 จุด ต่ำสุด 1,371.74 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76,183.57 ล้านบาท กับ Nation Onlineว่า
ห้นไทยปิดร่วง โดยกลุ่มที่กดดัชนีหลัก ๆ คือกลุ่มพลังงาน (PTT, GPSC, EA, BGRIM) กลุ่ม ICT (TRUE), กลุ่มธนาคาร(KBANK) กลุ่มที่หนุนดัชนีคือกลุ่มขนส่ง AOT, กลุ่มค้าปลีก CPAXT, CPALL โดยมีรายละเอียดดังนี้
🔆กลุ่มโรงไฟฟ้า RATCH -7.1%, GPSC -4.7%, BGRIM -5.6% แรงกดดันจาก ก.พลังงาน จ่อสกัดขึ้นค่าไฟกดเหลือไม่ถึง 4.20 บาท หากค่าไฟฟ้าสรุปที่ระดับดังกล่าว KCS มองบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับฐานช่วงวันนี้ จากความกังวลที่ข้อสรุปค่าไฟฟ้า กกพ. วานนี้ที่ 4.68 บาท อาจมีการเปลี่ยนแปลงใกล้ระดับ 3.99 บาท ที่เป็นค่าไฟในรอบ ต.ค.-ธ.ค. 23 ดังนั้น ไม่ว่าข้อสรุปค่าไฟ ม.ค. - เม.ย. 23 ระดับใดก็ตามหากสูง 3.99 บาท มองจะหนุนกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้าตั้งแต่ 1Q24F ดีขึ้น และยังเป็น Upside ต่อประมาณการเราและน่าจะรวมถึงตลาดที่ลดสมมติฐานค่าไฟให้อนุรักษ์นิยมขึ้นแล้ว มองจังหวะตั้งรับ GULF GPSC
📈 TLI -3.47%, BLA – 1.5% มีจิตวิทยาลบตามทิศทาง Bond yield ที่เป็นขาลงจากมุมมองวงจรดอกเบี้ยสหรัฐและไทยที่ผ่านจุด Peak ไปแล้ว KCS ประเมินแนวโน้ม Bond Yields ยังมีทิศทางขาลง แนะนำชะลอลงทุนกลุ่มประกันชีวิต
⛽️ TASCO -2.3%แรงกดดันจากน้ำมันดิบเป็นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น อิง Brent +1.52% ปิดที่ US$ 82.9/barrel ผสานแนวโน้ม 4Q23F ยังใกล้เคียง 3Q23F จากรายได้ไทยที่มี Margin ดี ยังเป็นช่วงชะลอการเบิกจ่าย
🏥 KLINIQ +1.4% แนวโน้มธุรกิจดีมองเป็น The winner ในอุตสาหกรรมที่เป็น Mega trend จุดเด่นคือ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง จะยังเติบโตได้ดี โดยภาพผลประกอบการยังเป็นเชิงรุก 9M23 +46% y-y สูงสุดในกลุ่มคลินิก+ศัลยกรรม แผนงานยังเป็นเชิงรุก คือ ปี 23F เปิด 14 สาขาใหม่ (4Q23F 4 แห่ง) และปี 24F ยังเปิดไม่ต่ำกว่า 15 แห่ง (KLINIQ 8 + LABX 7) ศูนย์ศัลยกรรม บริษัทเผยโมเมนตัมเริ่มดีขึ้น และคาด 4Q23F จะกลับมาถึงจุดคุ้มทุนได้ วางแนวรับ 36.25/36.50 บาท แนวต้าน 37.5/39.0 บาท Cut loss 36.0 บาท
🔱 JAS +19.6% ปรับขึ้นแรงรับข่าวที่ประชุมบอร์ด JAS มีมติอนุมัติปรับปรุงนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ตามงบการเงินเฉพาะกิจการแต่ละปี (vs เดิมไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ)
พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมและกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ม.ค.-22 พ.ย.23 อัตราหุ้นละ 0.60 บาท รวมเงินปันผล 5,156 ลบ. XD 13 ธ.ค.23 จ่ายเงินปันผล 21 ธ.ค.23 วางแนวต้านแรกที่ 2.32 บาท แนวต้านถัดไปที่ 2.36 บาท,แนวรับ 2.10 บาท แนวรับถัดไปที่ 2.02 บาท, Cut loss <1.96 บาท
ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,704.82 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ 370.43 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 268.79 ล้านบาทในประเทศซื้อสุทธิ 3,806.46 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดหุ้นพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ มองกรอบการเคลื่อนไหว 1,365 -1,395 จุด