นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation Onlineว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์อัพ แนวต้านแรกที่ 1,565 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,579 จุด แนวรับแรกที่ 1,540 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,529 จุด แรงหนุนมองมาจากปัจจัยภายในรัฐบาลใหม่จะแถลงนโยบายต่อสภาฯ หนุนความเชื่อมั่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดินหน้าได้ ผสาน จีนตัวเลขเศรษฐกิจมีโอกาสเกิด Positive Surprise
เน้นหุ้นนำกลุ่มได้ประโยชน์นโยบาย Digital Wallet เช่น CPAXT, CPALL, DOHOME, GLOBAL, JMT, ADVANC, BE8 กระตุ้นท่องเที่ยว AOT ,ERW, CENTEL, เร่งการลงทุนโดยตรงหรือ FDI เช่น AMATA, WHA และหุ้นกลุ่มอิงจีน เช่น SCGP, PTTGC, IVL
ปัจจัยต่างประเทศ-ในประเทศที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย
• 13 ก.ย. สหรัฐฯ แถลงเงินเฟ้อ CPI ส.ค. ตลาดคาด + 3.6 % y-y จากเดิมอยู่ที่ +3.2% m-m ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน ตลาดคาด +0.2% m-m ทรงตัวจากเดิม +0.2%m-m
• 14 ก.ย. ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) MUFG คาดคงดอกเบี้ย ทำให้ Deposit Facility Rate อยู่ที่ 3.75% และ Main Refinaning Rate อยู่ที่ 4.25% ส่วนผลสำรวจตลาดราว 50% มองปรับขึ้น 0.25% ส่วนอีก 50% มองคงดังเช่น MUFG
• 15 ก.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค U of Michigan เดือนก.ย. ตลาดคาด 69.4 จากเดิมอยู่ที่ 69.5, ดัชนีผลผลิตอุตฯ ส.ค. ตลาดคาด +0.1% m-m จากเดิมอยู่ที่ 1.0% m-m
• 15 ก.ย. ยอดขายค้าปลีก ส.ค. ของจีน คาด +3.0%y-y จากเดิมอยู่ที่ +2.5% y-y การลงทุนในสินค้าทุน 8M23 +3.3%y-y จากเดิมอยู่ที่ +3.4%y-y, การลงทุนภาคอสังหา 8M23 -8.9% y-y จากเดิมอยู่ที่ -8.5%y-y
• 15 ก.ย. ผลผลิตอุตสาหกรรม ส.ค. ของจีน คาด +3.8%y-y จากเดิมอยู่ที่ +3.7%y-y
• 15 ก.ย. ดัชนีฟุตซี่รีบาลานซ์ การ Rebalance มีผล คาดเม็ดเงินเพิ่มน้ำหนัก +60 ล้านเหรียญฯ ดัชนี Large Caps หุ้นเข้า คือ TRUE หุ้นออก คือ GPSC, AWC
• การเมืองภายในคาดว่าจะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ภายในช่วง ต้น ก.ย. ระยะสั้นจะอยู่ในส่วน Digital Wallet, แก้ปัญหาหนี้สิน, ลดรายจ่ายพลังงาน และผลักดันท่องเที่ยว บวกกกลุ่มค้าปลีก ดิจิตอล ส่วนพลังงานลุ้นสร้างฐานรีบาวด์
• SET EPS: กำไรตลาดอิง BB อยู่ที่ 88.19 บาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 88.1 บาท กลุ่มปรับขึ้น คือ แพ็คเกจจิ้ง ขนส่ง เช่าซื้อ กลุ่มปรับลง คือ ค้าปลีก ขนส่ง วัสดุฯ
• สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินทุนไหลออก (หุ้น+พันธบัตร) ภูมิภาค Asia (exJ) -1,611 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเงินไหลออก -157.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขายหุ้น -100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายพันธบัตร -57.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เงินบาทแข็งค่าอ่อนค่า w-w สู่ 35.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐบาท โดยเป็นภาพแข็งค่าปลายสัปดาห์
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ :
• CPAXT (TP38) : ลุ้น Upside นโยบาย Digital Wallet ลดค่าพลังงานและท่องเที่ยว
• DOHOME (TP12.8) : ลุ้น Upside นโยบาย Digital Wallet ที่สูงเป็นลำดับต้น
• SCGP (TP54) : ลุ้นภาพบวกรายงานเศรษฐกิจทยอยสร้าง Positive Surprise
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า สัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกจะให้ความสำคัญ ได้แก่ เงินเฟ้อสหรัฐฯมีกำหนดรายงานในวันพุธช่วงเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ 3.6%YoY , 0.6%MoM และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 4.3%YoY , 0.2%MoM
ทั้งนี้หากพิจารณาการปรับขึ้น MoM จะพบว่าเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวสูงกว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยทั้ง 2 เงินเฟ้อที่ต่างกันคือราคาพลังงานและอาหาร ดังนั้นเป็นปัจจัยชี้ว่าสาเหตุที่เงินทั่วไปขยายตัวแรงกว่าเงินเฟ้อพื้นฐานมาจากราคาน้ำมันดิบ หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบ BRT เดือน ส.ค. เทียบเดือน ก.ค. พบว่าขยับขึ้นมา 6%MoM
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจากนี้ ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบหากยังปรับขึ้นต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้ออยู่ระดับสูงและดอกเบี้ยของ FED มีแนวโน้มจะอยู่ระดับสูงต่อไป อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูงข้อมูลในอดีตชี้ว่า ตามมาด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น้อยลง จึงยังคงมุมมองตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงไทยจะมี Upside ที่จำกัด เพราะถูกกดดันจากปัญหาดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง
ส่วนปัจจัยอื่นๆรอติตดามดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดไว้ที่ 0.4%MoM หากสูงกว่าคาดการณ์จะเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้น ขณะเดียวกันในวันดังกล่าวจะมีการรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯBloomberg ประเมินไว้ที่ 0.2%MoM หากสูงกว่าคาดการณ์ก็มองเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้น
ขณะที่ในประเทศรอติดตามประชุม ครม. ครั้งแรกของรัฐบาลชุดใหม่ในวันพุธ เบื้องต้นมีรายงานว่าจะออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากภาวะ เอลนีโญ ซึ่งปัจจุบันกำลังมีผลกระทบต่อผลผลิตที่ลดลง มองหุ้นรับผลบวกได้แก่ CPALL , DOHOME ,GLOBAL ,HMPRO อื่น ๆ รอติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคในวันพฤหัสบดี
อย่างไรก็ตาม ประเมิน SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,515 - 1,560 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุน ยังมองไม่เห็นปัจจัยขับเคลื่อนที่มีนัยยะและเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูง ส่วน Trading ระยะสั้นแนะ
- กลุ่มน้ำมัน (PTTEP)
- โรงกลั่น (BCP, SPRC ,TOP)
- ค้าปลีก (BJC ,CRC, CPALL, DOHOME, GLOBAL)
- ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW ,MINT, SPA)
- ธนาคาร (BBL, KBANK ,KTB, SCB, TTB)
- กลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD , TIDLOR)