svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

เปิด 3 ข่าวดีหนุนลงทุน "หุ้นจีน" ท่ามกลางวิกฤติรุมเร้า

10 กันยายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เศรษฐกิจจีนยังเผชิญสารพัดปัญหา แม้ว่าจีดีพีจะเติบโต 6.3% ในไตรมาส 2/66 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด สร้างความกังวลให้นักลงทุน แต่ท่ามกลางวิกฤติก็ยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง โดยในวันนี้จะมาสำรวจดู 3 ข่าวดีที่เกิดขึ้นสร้างความหวังให้นักลงทุนจะมีอะไรบ้างนั้นตามไปส่องกันเลย

ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนต้องเผชิญกับข่าวร้ายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในทิศทางชะลอตัว ทั้งตัวเลขส่งออก-นำเข้า  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและบริการที่ออกมาชะลอตัว

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาติดลบ และปัญหาอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น โดยถึงแม้ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) จะยังออกมาขยายตัวได้สูงถึง 6.3% ในไตรมาสที่ 2 แต่ก็ถือว่ายังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งปัญ หาการผิดนัดชำระหนี้ และปัญหาที่เกิดกับภาคการเงิน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของเศรษฐกิจจีนที่มีปัญหาอยู่ออกมา ซึ่งนอกจากปัญหาภายในของจีนเองแล้ว ปัญหาภายนอกที่ความขัดแย้งกับสหรัฐฯ ยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันสำคัญที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ดูเหมือนตลาดหุ้นจีนจะเต็มไปด้วยข่าวร้าย แต่ท่ามกลางวิกฤติก็ยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง โดยในวันนี้เราจะมาสำรวจดู 3 ข่าวดีที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นจีนที่ยังพอจะสร้างความหวังให้กับนักลงทุน

 

เปิด 3 ข่าวดีหนุนลงทุน \"หุ้นจีน\" ท่ามกลางวิกฤติรุมเร้า

1.กำไรของบริษัทกลุ่ม Internet เริ่มฟื้นตัว

ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของจีนได้เปิดเผยตัวเลขจากผลสำรวจของบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Internet ของจีนออกมา โดยระบุว่ากำไรในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 29.7% อยู่ที่ 79.93 พันล้านหยวน (Billion Yuan)

ซึ่งการที่กำไรของบริษัทกลุ่ม Internet เติบโตได้ดีเป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทในหมวด E-Commerce ที่กลับมามีกำไรเติบโตได้ดี รวมถึงหลายบริษัทเทคโนโลยีได้กลับมาขยายธุรกิจหลังจากทางการจีนยกเลิกมาตรการ Lockdown และยุติการออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อควบคุมบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่กินเวลายาวนานมากว่า 32 เดือน

นอกจากนี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของจีนยังได้มีการเปิดเผยแผนงานในปีนี้ไปจนถึงปี 2024 ออกมาเพิ่มเติม ในการที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทกลุ่ม Internet ซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอีกครั้งว่า การควบคุมและจัดการกับบริษัทกลุ่มนี้ได้จบลงอย่างสิ้นเชิง

2.Huawei ใช้ชิปเทคโนโลยีขนาด 7 นาโนเมตร ที่ผลิตโดยบริษัทจีนเอง

หลังจากสหรัฐฯ พยายามกีดกันจีน เพื่อไม่ให้เข้าถึงเทคโน โลยีขั้นสูง โดยเฉพาะเทคโนโลยีในการผลิตชิป ด้วยการออกคำสั่งแบนการส่งออก ทั้งกับบริษัทสัญชาติอเมริกัน และกดดัน เพื่อให้ชาติพันธมิตรออกคำสั่งแบนด้วย แต่แล้วในที่สุด Huawei อดีตยักษ์ใหญ่ด้านมือถือ Smartphone ของจีนก็ได้ใส่ชิป Kirin 9000s ในมือถือรุ่น Mate60 Pro ซึ่งบริษัทผลิตชิปสัญชาติจีน SMIC ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรในการผลิต

โดยถึงแม้ว่าเทคโนโลยีผลิตชิปของจีนจะตามหลังสหรัฐฯ อยู่อีกพอสมควร เนื่องจากชิปที่อยู่ในมือถือ iPhone 15 รุ่นใหม่ของ Apple คาดว่าน่าจะใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรในการผลิต แต่อย่างไรก็ดีการที่จีนผลิตชิปเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรได้สำเร็จ ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าจีนยังพร้อมที่จะต่อสู้ในสงครามการผลิตชิปกับสหรัฐฯ ในระยะต่อจากนี้

3.ทางการจีนอนุมัติบริษัทเอกชนเปิดให้บริการ AI กับสาธารณชน

หลังจากที่ ChatGPT ของ Microsoft และ Bard AI ของ Google ได้เปิดตัวให้คนทั่วโลกได้ใช้งาน แน่นอนว่าจีนต้องพยายามผลักดัน AI สัญชาติจีนให้ออกมาแข่งขัน โดยที่ก่อนหน้านี้ทางการจีนได้ประกาศกฎระเบียบ เพื่อใช้ในการควบคุมการใช้งาน AI ออกมา และต่อมาก็ได้ให้ใบอนุญาตกับบริษัทเอกชนในการเปิดให้บริการ AI ChatBot กับสาธารณชนในวงกว้าง

ซึ่งบริษัทกลุ่มแรกที่ได้รับใบอนุญาตก็คือ Baidu ที่มี Ernie Bot AI ที่ บริษัทเปิดให้ใช้งานในวงจำกัดมาระยะหนึ่งแล้ว โดยการที่มีสาธารณชนในวงกว้างได้ใช้งาน Ernie Bot มากขึ้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ในแง่ของธุรกิจที่เป็นโอกาสในการสร้างรายได้แหล่งใหม่แล้ว ยังถือเป็นประโยชน์ในแง่ของการพัฒนาศักยภาพความสามารถของ Ernie Bot ที่การพูดคุยกับผู้ใช้งานมากขึ้นก็เท่ากับว่าจะยิ่งได้เรียนรู้การใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ได้เก่งขึ้น

นอกจากนี้อีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent ก็เตรียมเปิดตัว Hunyuan Ai ให้บริการกับสาธารณชน หลังจากได้รับใบอนุญาตแล้วเช่นกัน

นี่ก็คือ 3 ข่าวดีที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางมรสุมข่าวร้ายที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อพิจารณาให้รอบด้านจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมา ก็จะทำให้เห็นว่าตลาดหุ้นจีนยังพอจะมีความหวังอยู่บ้างและหากพิจารณาเลือกลงทุนในกลุ่มที่เหมาะสมและยังมีปัจจัยบวกสนับสนุน ตลาดหุ้นจีนก็ยังไม่แย่ถึงขั้นเกิดวิกฤติจนไม่สามารถหากลุ่มที่มีความน่าสนใจลงทุนได้เลย

 

ที่มาบทความ : สวภพ ยนต์ศรี AFPT™ Senior Wealth Manager บลจ.ทิสโก้

logoline