
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จดหมายสหรัฐที่ส่งออกมาตามเวลาสหรัฐซึ่งช้ากว่าไทยในวันที่ 7 ก.ค.2568 ตรงกับเวลาไทยวันที่ 8 ก.ค.2568 สวนทางกับข้อเสนอใหม่ที่ไทยส่งไปเพิ่ม โดยไทยเสนอลดภาษีส่วนใหญ่ให้สินค้าสหรัฐ 90% ของรายการนำเข้า ส่วนอีก10%ต้องสงวนไว้ เพื่อดูแลผู้ประกอบการในประเทศ ภาษีให้ส่วนใหญ่จะดูจากที่ไทยทำเขตเสรีทางการค้า (FTA) กับประเทศต่างๆ และมีอัตราภาษีที่ 0% อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามไม่ใช่ 0% ทั้งหมดโดยจะดูผลกระทบกับคู่ค้าอื่นไปด้วย
ทั้งนี้ การที่สหรัฐส่งจดหมายมา เนื่องจากใกล้ถึงเดดไลน์วันที่ 9 ก.ค.2568 แต่สหรัฐยังเจรจากับประเทศต่างๆ ไม่หมด สหรัฐจึงส่งจดหมายไปประเทศต่างๆ และเลื่อนจัดเก็บภาษีเป็นวันที่ 1 ส.ค.2568 สำหรับแนวทางของไทยเมื่อคืนวันที่ 7 ก.ค. 2568 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไทยประจำสหรัฐ ติดตามความคืบหน้าข้อเสนอใหม่ที่ไทยเสนอไปตอนนี้ถึงมือสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) แล้ว
“การที่อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่สหรัฐแจ้งมายังไทยอยู่ที่ 36% เช่นเดิม เนื่องจากสหรัฐอาจยังสรุปไม่เสร็จ คาดว่าสหรัฐอาจนำข้อเสนอเก่าของไทย รวมข้อเสนอใหม่ที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2568 แล้วรวมพิจารณาทีเดียว อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บกับไทย ล่าสุดสหรัฐระบุว่า กำลังเร่งดูข้อเสนอไทยอยู่ ยืนยันว่าเราสามารถเจรจาภาษีกับสหรัฐไทยก่อนเดดไลน์ 1 ส.ค. แน่นอน”
อย่างไรก็ตาม แม้ผลจัดเก็บภาษีในท้ายที่สุดหลังวันที่ 1 ส.ค.2568 จะออกมาเป็นอย่างไร รัฐบาลยืนยันว่า มีแผนสำรองมารองรับทั้งกรณีคิดภาษี 36% หรือต่ำกว่า 36% เพราะปัจจุบันการค้าบนโลกปัจจุบันต้องปรับปรุงตลอด ส่วนการเยียวยาผู้ประกอบการเตรียมอยู่แล้ว ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออยู่ 40,000 ล้านบาทจะนำมาใช้รองรับผลกระทบด้วยหรือไม่นั้นรองนายกฯ ระบุว่า คงต้องพิจารณาความจำเป็นก่อน
"รัฐบาลมั่นใจว่าการยื่นข้อเสนอไปล่าสุดได้อธิบายและสามารถวัดผลได้ ดูแล้วสามารถปฏิบัติได้ และได้ผลต่อเนื่องไม่ใช่ทำๆ หายๆ ซึ่งการเสนออะไรไปหากไปรับปากเฉยๆ อย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต้องปฏิบัติด้วย ส่วนผมจะเดินทางไปเจรจากับทางสหรัฐอีกหรือไม่ ขณะนี้ในระดับทำงาน จะทำงานกันอย่างหนัก ผมเตรียมตัวพร้อมเดินทางไปเจรจาตลอด 24 ชั่วโมง หากต้องมีการเจรจาเพิ่มเติม”
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ข้อเสนอที่ 2 แตกต่างจากข้อเสนอแรก โดยเฉพาะเรื่องจำนวนรายการสินค้าที่จะลดภาษีให้เป็น 0% ซึ่งมีจำนวนหลายพันรายการ ยังไม่มีฟีดแบ็กกลับมา แต่เชื่อว่าจะมีผลในทิศทางบวก
“แถลงการณ์จากสหรัฐแจ้งมาอย่างชัดเจนว่า ถ้ายังไม่หาข้อยุติภายในวันที่ 1 ส.ค. ไทยต้องถูกเรียกเก็บภาษีอัตรา 36% และระหว่างนี้ยังเจรจากันได้ ดังนั้น เชื่อว่าอัตราภาษีสุดท้ายที่ไทยจะได้รับไม่น่าถึง 36% เมื่อพิจารณาข้อเสนอของเราจะดีมาก ดีน้อย ก็ต้องลดต่ำกว่าเดิมแน่นอน”