svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

AI เฟื่องฟูหรือฟองสบู่ การลงทุนที่ไม่มีวันถอยของเทคยักษ์ใหญ่

AI เฟื่องฟูหรือฟองสบู่? การลงทุนที่ไม่มีวันถอยของบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ โดย สวภพ ยนต์ศรี AFPT™ Senior Wealth Manager บลจ.ทิสโก้

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดคำถามตามมาว่าหุ้น AI ในขณะนี้เข้าสู่สภาวะ “ฟองสบู่” แล้วหรือยัง ความกังวลนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับการมาถึงของ DeepSeek AI จากจีน ซึ่งอ้างว่าสามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าบริษัทในสหรัฐฯ สถานการณ์นี้สร้างความสงสัยว่าอนาคตของหุ้นกลุ่ม AI จะสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนหรือไม่

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาคือ ความสามารถของเทคโนโลยี AI ในการสร้างรายได้และกำไรในระยะยาว แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ แต่การประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ยังคงแสดงให้เห็นถึงการทุ่มงบลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้าน AI ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของการพัฒนาธุรกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามคือการวัดผลตอบแทนจากการลงทุนเหล่านี้ว่าจะคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด
 

AI เฟื่องฟูหรือฟองสบู่ การลงทุนที่ไม่มีวันถอยของเทคยักษ์ใหญ่

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เดินหน้าทุ่มงบหลายพันล้านดอลลาร์

พัฒนา AI รับกระแสความต้องการที่พุ่งสูง

ในปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อตอบรับกระแสความต้องการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มนี้ยังคงแรงต่อเนื่องในปี 2025 โดยบริษัทอย่าง Meta, Amazon, Alphabet และ Microsoft มีแผนรวมกันที่จะใช้จ่ายสูงถึง 320,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเทคโนโลยี AI และการสร้างศูนย์ข้อมูล Data Center อ้างอิงจากคำแถลงของซีอีโอบริษัทต่างๆ ในช่วงต้นปีนี้ และคำแถลงในช่วงผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากงบลงทุนที่ราว 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024

โดยนับตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ทุ่มงบหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการ AI โดยเร่งขยายศูนย์ข้อมูลด้วย GPU จำนวนมากจาก Nvidia และพัฒนาแบบจำลอง AI ของตนเอง ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของ DeepSeek จากจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในอุตสาหกรรม เนื่องจากเครื่องมือแบบ Open source นี้มีต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของคู่แข่งในสหรัฐฯ ความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันจากจีนส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นกลุ่ม AI โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ในช่วงต้นนำของเทคโนโลยีอย่างบริษัทผลิตชิป ทำให้มูลค่าหุ้นของ Nvidia และ Broadcom ลดลงรวมกันถึง 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันเดียว เหตุการณ์นี้บีบบังคับให้ CEO บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ต้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายจำนวนมหาศาล และความจำเป็นของการลงทุนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คำตอบจากผู้บริหารจนถึงขณะนี้ชี้ชัดว่าพวกเขาไม่มีแผนจะชะลอการลงทุน

AI เฟื่องฟูหรือฟองสบู่ การลงทุนที่ไม่มีวันถอยของเทคยักษ์ใหญ่
 

แผนการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ

Amazon เป็นบริษัทที่มีแผนการใช้เงินลงทุนที่มากที่สุด โดยตั้งเป้าใช้เงินลงทุนในปีนี้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 Andy Jassy ซีอีโอของ Amazon กล่าวว่าการลงทุนส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ AI สำหรับ AWS ซึ่งถือโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่

ด้าน Microsoft ประกาศในเดือน มกราคมที่ผ่านมาว่าจะจัดสรรงบประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2025 เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI โดยมากกว่าครึ่งของงบประมาณนี้จะถูกใช้ในสหรัฐฯ

Alphabet ตั้งเป้าว่าจะใช้งยประมาณลงทุนที่ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้ระหว่าง 16,000 ถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสแรก Anat Ashkenazi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ระบุว่ารายจ่ายส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค โดยเน้นที่เซิร์ฟเวอร์ ศูนย์ข้อมูล และระบบเครือข่าย

ด้าน Meta ภายใต้การนำของ Mark Zuckerberg ได้ตั้งงบประมาณการลงทุนใน AI ไว้ที่ 60,000 ถึง 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปี 2025 ถือเป็น "ปีแห่ง AI" พร้อมเสริมว่าการลงทุนนี้จะช่วยปลดล็อกนวัตกรรมและขยายความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของ Meta รวมถึงประเทศสหรัฐฯ

Magnificent 7 และบทบาทของ Apple, Tesla, Nvidia

สำหรับอีก 3 บริษัทในกลุ่ม Magnificent 7 อื่นๆ อย่าง Apple, Tesla และ Nvidia ก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน AI fh;pเช่นกัน โดยการใช้จ่ายของ Apple ยากที่จะประเมินได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมักแฝงอยู่ในค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อาทิการที่บริษัทเช่า capacity ในการฝึกอบรมโมเดล AI จากผู้ให้บริการ Cloud เช่น Google Cloud, AWS และ Azure

Tesla รายงานว่างบประมาณลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ในปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทั้งหมด 11,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าการใช้จ่ายด้าน AI จะยังคงทรงตัวในปีนี้ ซึ่ง Tesla กำลังสร้าง “training cluster” ที่เรียกว่า Cortex ที่โรงงานในเท็กซัส เพื่อฝึกอบรมโมเดลสำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติและหุ่นยนต์ humanoid

ในส่วนของ Nvidia บริษัทผลิตชิปซึ่งถือเป็นผู้พัฒนาและจัดหาเทคโนโลยี AI ตัวเลขงบประมาณลงทุนจะแตกต่างจากบริษัทอื่น เนื่องจาก Nvidia เป็นผู้ขายเทคโนโลยี AI แทนที่จะเป็นผู้ซื้อ
    
ปัจจัยที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับประโยชน์จากการมาถึงของเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตชิปต่างๆ ว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตได้หรือไม่ รวมถึงบริษัทที่นำ AI ไปต่อยอดทางธุรกิจว่าจะสามารถสร้างรายได้ในรูปแบบใดบ้าง แม้คำตอบเหล่านี้จะยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างแน่นอน คือเทคโนโลยี AI จะถูกพัฒนาต่อยอดและนำมาใช้จริงในอนาคต ดังนั้น การพูดถึง “ฟองสบู่” ในตอนนี้อาจจะยังเร็วเกินไปสำหรับเทคโนโลยี AI