รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ (29 ส.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เตรียมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเงินการคลังของประเทศ และเตรียมความพร้อมผลักดันนโยบายที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลใหม่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้กระทรวงการคลังเตรียมรายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวเพียง 3.5% จากเดิมอยู่ที่ 3.6%
สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ในหลักการพรรคเพื่อไทย พร้อมผลักดันคนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้กระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะมีอายุการใช้งาน 6 เดือนเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเฉพาะ ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามา รถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
ซึ่งจะใช้จ่ายเฉพาะร้านค้าชุมชนและบริการที่อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะมีการพิจารณาเป็นกรณีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ขณะที่ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการภายหลัง
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา นายเศรษฐาได้หารือร่วมกับ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เกี่ยวกับภาพรวมเศรษบกิจและสถานะประเทศไทยในปัจจุบันให้นายกรัฐมนตรี รับทราบ ซึ่งนายเศรษฐาได้ขอให้ สศช. เตรียมความพร้อมในการเดินหน้านโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ทั้งนี้สศช.ได้รายงานถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ทั้งปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/66 ขยายตัว 1.8% ชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาสแรก 1/66 ทำให้ช่วงครึ่งแรกของปี 66 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.2%
ส่วนแนวโน้มทั้งปีคาดว่าขยายตัวได้ 2.5-3% เป็นผลมาจากการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว การลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ