
สิ้นปี 2566 นี้จะหมดอายุมาตรการลดอัตราการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ (Minimum payment) ที่ 5% ตามแนวทางช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยจะทยอยกลับไปใช้อัตรา 8% ในปี 2567 และให้กลับสู่เกณฑ์ปกติที่ 10% ในปี 2568
นายอธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน (GCS) และในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมและผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต ได้เข้าหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยกังวลว่าหากเพิ่มอัตราจ่ายขั้นต่ำมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ที่ปัจจุบันคนไทยโดยเฉลี่ยจะถือบัตรเครดิตจำนวน 3 ใบต่อคน ซึ่งลูกค้าบางรายอาจจะยังไม่พร้อมรับการปรับอัตราชำระขั้นต่ำ
โดยสมาคมเข้าใจ ธปท. เนื่องจากแกนนโยบายหลักของ ธปท. ต้องการควบคุมระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมาตรการชำระขั้นต่ำ ถ้ามาตรการนี้ไม่ขึ้น ถือเป็นมาตรการสุดท้ายของการช่วยเหลือลูกค้าในช่วงการระบาดของโควิด และมีการขยายการบังคับใช้มาแล้ว 1 ปี จึงมีความจำเป็นต้องปรับอัตราชำระดังกล่าว จากบทเรียนในอดีตเมื่อสิบปีที่ผ่านมา ได้มีการปรับเกณฑ์ชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 10% ได้ส่งผลกระทบต่อหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ในบัตรเครดิตค่อนข้างมาก” นายอธิศ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 3/2566 ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เตรียมเดินหน้าหารือกับ ธปท. เพื่อขอให้พิจารณาขยายเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ปัจจุบันอยู่ที่ 16% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมาจากอัตราเดิม 18 % เมื่อปี 2563 เนื่องจากต้นทุนการเงิน (cost of fund) ในการประกอบธุรกิจสูงขึ้น หลังจากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง
ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (มาร์จิ้น) ค่อนข้างน้อย และรายได้ลดลงต่อเนื่อง เบื้องต้นอาจเสนอให้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 2% สู่ระดับ 18 และคงจะปรับไม่ถึง 20% เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนของผู้ให้บริการที่สูงขึ้น
“ตอนนี้สิ่งที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตเผชิญและมีความเป็นกังวลมีอยู่ 2 ประเด็นหลัก คือ อัตราการชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% ในปีหน้า จะกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ และเรื่องของต้นทุนการเงิน cost of fund ที่เพิ่มขึ้น แต่เรามีเพดานดอกเบี้ยที่ 16% ถือว่าต่ำมาก และต่ำเกือบจะที่สุดในโลก แต่สำหรับกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันมีสัดส่วนการชำระอัตราขั้นต่ำไม่มากนัก ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 46 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง” นายอธิศ กล่าว