
นายกณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน คนไทยมีจำนวนผู้เข้าถึง Internet 61.2 ล้านคน และมีจำนวนผู้การใช้ Social Media 52.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในรอบ 5 ปีหลังสุด เนื่องจาก มีผู้ใช้บริการภาคเอกชนที่มีการขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ประกอบกับ นโยบายของภาครัฐ ในการเข้าถึง Internet ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2562
ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ไทยมีความเร็วของ Internet อยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก สำหรับ Fixed Broadband Internet เป็นรองเพียง ชิลี จีน และสิงคโปร์ และ อันดับที่ 15 สำหรับ Mobile Internet ซึ่งแม้จะตามหลังประเทศผู้นำอย่าง กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนอร์เวย์ที่มีความเร็วในการดาวน์โหลดอยู่ในระดับ 140-180 Mbps อยู่ถึง 3.5-4.5 เท่าตัว แต่ยังถือว่าเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานด้าน Internet
โดย คนไทยเกือบ 70% ใช้โทรศัพท์มือถือในการท่องเว็บไซต์ โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเนื่องจาก 48% ในปี 2562 ขึ้นมาอยู่ที่ราว 55% ในปี 2563-2564 และเพิ่มขึ้นมาแตะ 68% ในปลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความนิยมของคนไทยในการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์หลักในการใช้อินเทอร์เน็ต
ท่องเว็บไซต์ และรวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ ดังนั้น การสื่อสารกับผู้บริโภคที่หันมาใช้โทรศัพท์มือถือในการท่องเว็บไซต์มากขึ้นจึงเป็นโจทย์ของผู้ประกอบการที่ควรออกแบบพัฒนา UX/UI เว็บไซต์ตนเองให้รองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
สำหรับเว็บไซต์ที่คนไทยนิยมเข้าชมมากที่สุด 3 อันดับได้แก่ Google มากสุด โดยมีการเข้าชมสูงเกือบ 900 ล้านครั้งต่อเดือน โดยใช้ระยะเวลาการเข้าชมต่อครั้งที่เกือบ 11 นาที และมีการเข้าชมเฉลี่ยที่ 8.4 หน้าต่อครั้ง Youtube และ Facebook ที่มีผู้เข้าชมเดือนละ 400-500 ล้านครั้ง
ทั้งนี้ เป็นข้อสังเกตว่า Social Media ยอดนิยมในการดูวีดีโออย่าง Youtube มีระยะเวลาการเข้าชมเฉลี่ยสูงกว่า 24 นาทีต่อครั้ง และมีจำนวนหน้าในการชมเฉลี่ยถึง 13.5 หน้าต่อครั้ง แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการใช้งานเว็บไซต์ Youtube ของคนไทย
นอกจากนี้ Facebook และ Line ยังคงเป็น Social Media ยอดนิยมของคนไทย ขณะที่ Tiktok เริ่มมีแรงใน 1-2 ปีหลัง ทั้งนี้ ผู้ใช้ Social Mediaในช่วงอายุ 34-44 ปี 45-54 ปี และ 55 ปีขึ้นไป ดูเป็นกลุ่มที่าสนใจเนื่องจากมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้นสะท้อนจากเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ที่ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 12.4% ในช่วง 5 ปีหลัง สวนทางกับการโฆษณาออฟไลน์ที่หดตัว 3% ต่อปี อย่างไรก็ดี เราพบว่าบางอุตสาหกรรมยังมีโอกาสเพิ่มเม็ดเงินเพื่อการโฆษณาออนไลน์ให้มากขึ้นได้ อาทิ Real Estates, Restaurants และ Cosmetics
คนไทยยังคงนิยมการซื้อสินค้า/บริการผ่านออนไลน์ โดยมีการประเมินว่าตลาด E-Commerce ในช่วงปี 2566-2567 จะมีมูลค่า 6.34-6.94 แสนล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยที่ปีละ 6% โดย กลุ่มสินค้าที่คนไทยหันมาซื้อผ่านช่องทาง E-Commerce มากขึ้น ได้แก่ Personal & Household Care, Beverages และ Foods