svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

สรรพสามิต รอรัฐบาลใหม่เคาะ ขยายมาตรการหนุน "อีโคคาร์" ต่ออีก 2 ปี

11 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมสรรพสามิต เผยการขยาย มาตรการหนุนลงทุนรถ อีโคคาร์ เฟส 1 ไปอีก 2 ปี ต้องรอรัฐบาลใหม่ มั่นใจยังได้ไปต่อตามแผน จากแนวโน้มการใช้รถอีวีเพิ่มต่อเนื่อง

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่านโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ก่อนหน้านี้มีแนวคิดเรื่อง อีวี 3.5 หรือ อีวีพลัส รวมถึงการขยายเวลาการส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ เฟส 1 ต่อไปอีก 2 ปี ถึงปี 2569 ตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาตัดสินใจทั้งหมด แม้ว่าบางมาตรการจะผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ไปแล้วก็ตาม

โดยทุกขั้นตอน ขณะนี้จะต้องรอรัฐบาลใหม่ทั้งหมด โดยมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติม รวมถึงเรื่องเงินอุดหนุนในโครงการ ซึ่งตอนนี้เหลือกว่า 2,000 ล้านบาท ต้องดูว่าจะเพียงพอหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2566 เนื่องจากต้องรอรัฐบาลใหม่ มาจัดทำงบประมาณปี 2567

โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่า มั่นใจว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็น่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมอีวีต่อเนื่อง เพราะเท่าที่ได้รับฟังนโยบายแต่ละพรรค ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการสนับสนุนอีวีทั้งสิ้น และที่ผ่านมาโครงการก็เดินหน้าไปด้วยดี มียอดขาย ยอดจองรถอีวีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการจ่ายเงินอุดหนุนตามแพ็กเกจอีวี ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้

1.กรณีรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท แบ่งเป็น สำหรับรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่น้อยกว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง จำนวนเงินอุดหนุน 70,000 บาทต่อคัน

ส่วนรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป จำนวนเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน

2.กรณีรถยนต์กระบะประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศและมีขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป (เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศเท่านั้น) จำนวนเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน

3.กรณีรถจักรยานยนต์ประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 1.5 แสนบาท จำนวนเงินอุดหนุน 1.8 หมื่นบาทต่อคัน

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในส่วนของมาตรการส่งเสริมลงทุน สำหรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่รถอีวี ที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดอีวีไปแล้ว ที่ต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้ามาพิจารณาเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1%

รวมทั้งการให้เงินสนับสนุนวงเงิน 24,000 ล้านบาท สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเงินสนับสนุนจะขึ้นกับขนาดของโรงงานผลิตแบตเตอรี่และความจุพลังงานจำเพาะของแบตเตอรี่ โดยโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดต่ำกว่า 8 GWh จะได้รับเงินสนับสนุนระหว่าง 400-600 บาท/kWh หากเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดสูงกว่า 8 GWh จะได้รับเงินสนับสนุนระหว่าง 600-800 บาท/kWh

 

logoline