บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 เดือนเม.ย.นี้ จะได้สิทธิอะไรบ้าง เช็กกันตรงนี้
เผยกำหนดเริ่มใช้สิทธิในวันที่ 1 เมษายน 2566 นี้ เป็นต้นไป "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566" รอบใหม่ บัตรคนจน ประชาชนที่ผ่านเกณฑ์ จะได้สิทธิอะไรบ้าง ไขข้อสงสัยกันตรงนี้ มีรายละเอียดให้ศึกษาและทำความเข้าใจกันครบ อ่านได้ในที่นี่คำตอบ รู้ก่อนใครแค่คลิกอ่าน
"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566" บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ เปิดให้ผู้ลงทะเบียนบัตรคนจน โดยจะต้องทำการยืนยันตัวตน เพื่อได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน เป็นค่าซื้อสินค้าจำนวน 300 บาท เริ่มใช้สิทธิในวันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากผู้ที่ได้รับสิทธิ ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 ผ่าน 3 หน่วยงานได้แก่
- ธนาคารกรุงไทย เปิดให้ประชาชนเข้ารับบริการยืนยันตัวตน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ยังไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดให้บริการ
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ให้บริการยืนยันตัวตนเป็นเวลา 180 วัน นับจากวันที่ประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 27 สิงหาคม 2566
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 เดือนเม.ย.ได้สิทธิอะไรบ้าง
ทุกวันที่ 1 ของเดือน
- ค่าซื้อสินค้า 300 บาท/เดือน (ทุกคนที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ)
- ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท/เดือน
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท/รอบ 3 เดือน (กรณีกลุ่มเปราะบางจะได้ส่วนลด 100 บาท/ต่อรอบ 3 เดือน)
- สามารถถอนเป็นเงินสดได้และไม่สะสมเดือนถัดไป
ทุกวันที่ 18 ของเดือน
- เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาท/เดือน
- เงินช่วยค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท
- ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และ สะสมเดือนถัดไป
ทุกวันที่ 22 ของเดือน
- เงินเพิ่มเบี้ยคนพิการ 200 บาท/เดือน
- สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และ สะสมเดือนถัดไป
ล่าสุดทางด้าน นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลาง ได้ตั้งวงเงินสิทธิให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนมีนาคม 2566 ดังนี้
กรมบัญชีกลางอัปเดตให้แล้ว บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนมีนาคม 2566 ใช้จ่ายอะไรได้บ้าง?
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (ม.ค. - มี.ค. 66)
- วงเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
* ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
* ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
* ค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล) ทุกวันที่ 18 ของเดือน (เป็นวงเงิน e-Money สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง) ทุกวันที่ 22 ของเดือน (เป็นวงเงิน e-Money สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)
สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2566 กรมบัญชีกลางขอรายงานผลการจ่ายเงินให้แก่หน่วยงาน/ร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ตั้งแต่วันที่ 1- 28 กุมภาพันธ์ 2566 ดังนี้
1. สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน (ล้านบาท)
1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 3,512.52
1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 28.55
1.3 วงเงินค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟฟ้า 21.70
1.4 วงเงินค่าโดยสารรถบริษัทขนส่ง จำกัด 6.69
1.5 วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 14.80
รวมจำนวนเงิน (1) 3,584.26
2. สวัสดิการที่ให้ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (e-Money) จำนวนเงิน ล้านบาท
2.1 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 172.10
2.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 17.81
2.3 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 215.56
รวมจำนวนเงิน (2) 405.46
รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น (1) + (2) 3,989.72
เฟซบุ๊ก กระทรวงการคลัง : Ministry of Finance รายงานว่า นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กรณีที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ สามารถยื่นอุทธรณ์ผลได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 1 พฤษภาคม 2566 ผ่าน 2 ช่องทางดังนี้
1. ขออุทธรณ์ด้วยตัวเอง
- เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ welfare ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
สำหรับขั้นตอนการอุทธรณ์ด้วยตัวเอง หลังกดเข้าเว็บไซต์ มีดังนี้
- กรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ วัน เดือน ปี เกิด ระบบจะแสดงคุณสมบัติ ให้กดปุ่ม "ผลการตรวจสอบ"
- กรอกเลขรหัส Laser ID หลังบัตรประจำตัวประชาชน แล้วคลิก "ยืนยันตัวตน"
- ระบบจะแสดงผลการลงทะเบียน ถ้าหากไม่ผ่านเกณฑ์ ต้องการอุทธรณ์ ให้คลิกปุ่ม "ยืนยันการอุทธรณ์"
- คลิกปุ่ม "ยืนยันการอุทธรณ์" อีกครั้ง พอระบบขึ้นข้อความว่าสำเร็จ ให้คลิกปุ่ม "ตกลง"
2. ขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน ได้แก่
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารกรุงไทย
- ธ.ก.ส.
- สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด
- ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
- สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร
- ศาลาว่าการเมืองพัทยา
ทั้งนี้ ผู้อุทธรณ์ต้องยื่นบัตรประจำตัวประชาชนแก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานก่อนการอุทธรณ์
สำหรับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถตรวจสอบสิทธิหรืออุทธรณ์สิทธิได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ โดยต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียน พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
- หนังสือมอบอำนาจ สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ welfare
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
วันประกาศผลอุทธรณ์
- 20 มิถุนายน 2566
วันเริ่มใช้สิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของผู้ที่ผ่านในรอบอุทธรณ์
- 1 กรกฎาคม 2566
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ