svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ธอส.ยันตรึง "ดอกเบี้ยเงินกู้" ถึงสิ้นม.ค.นี้

21 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

 ธอส.เดินหน้าปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ปีนี้ 2.33 แสนล้านบาท  ยันตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นเดือนม.ค.นี้ พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการผ่อนชำระ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า  ธอส.ยันตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นเดือนม.ค.นี้ แม้ว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกว่า 0.75% ต่อปี โดนแผนงานในปีนี้ ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 233,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2565 โดยเน้นนโยบายช่วยให้คนไทยมีบ้าน และพร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการผ่อนชำระหนี้  

สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 286,888 ล้านบาท  หรือ 234,266 บัญชี เพิ่มขึ้น 16.21% หากเทียบกับปี 2564 สูงกว่าเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 226,423 ล้านบาท จำนวน 60,465 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.70%

โดยสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ แบ่งเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 120,415 ราย ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2564 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,589,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.98% คงความเป็นผู้นำของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย

 

โดยมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างในระบบสถาบันการเงินที่ 33.48% (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2565) มีสินทรัพย์รวม 1,659,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.16% เงินฝากรวม 1,416,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.11% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 59,814 ล้านบาท คิดเป็น 3.74% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 4.00% สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ NPL

ด้วยการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาผ่อนชำระในเชิงรุก อาทิ ให้ผ่อนชำระเงินงวดต่ำลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ และแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ ซึ่ง ณ วันที่ 3 มกราคม 2566 มีลูกค้าอยู่ระหว่างการรับความช่วยเหลือตามมาตรการจำนวนรวม 62,175 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 61,728 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือไปถึงเดือนมิถุนายน 2566 จำนวน 22,967 ราย

ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 129,018 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 215.70% เพื่อความมั่นคงและความพร้อมรองรับความเสี่ยงในอนาคตของกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยมีกำไรสุทธิ 14,047 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.18% (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2565) สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด

logoline