svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ตรวจแถวการเมือง

เบื้องหลังดีลลับ "มิ่งขวัญ"กับสัญญาใจ "ลุงป้อม" สู่ชายคา"พลังประชารัฐ"

06 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในที่สุด "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ยอมเปิดตัวเข้าสังกัด"พรรคพลังประชารัฐ" พรรคการเมืองที่เจ้าตัวเคยปฏิเสธร่วมสังฆกรรม ติดตามได้จากเจาะประเด็น โดย "อสนีบาต"

 

แวดวงสังคมนักการเมืองมีความคึกคักขึ้นมาระดับหนึ่ง โดยเฉพาะพรรคที่กำลังหาคนเติมเต็ม  สำหรับ เหตุการณ์ "พรรคพลังประชารัฐ" แถลงเปิดตัว "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์"  อดีตรมต.หลายรัฐบาล ร่วมเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ  พร้อมกับการได้รับความไว้วางใจจาก "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เตรียมแต่งตั้งให้เป็น"หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค"

 

พรรคพลังประชารัฐ เปิดแถลง ต้อนรับ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เข้าสังกัดพรรค

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>>

 

"มิ่งขวัญ"ซบ พลังประชารัฐ "บิ๊กป้อม" พร้อมยกตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพปชร.

 

ก่อนหน้านี้ "ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ได้เปิดเผยกระแสความเคลื่อนไหวดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2565 โดยได้รับข้อมูลผ่านการสนทนากับ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงการเตรียมจัดพิธีกรรมแถลงข่าว เปิดตัว "มิ่งขวัญ" ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565  

 

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการแถลงเปิดตัว"มิ่งขวัญ" เป็นไปตามที่พรรคพปชร.ตระเตรียมการไว้แล้ว  แต่สิ่งที่ผู้คนต้องการรับรู้  เบื้องหลังดีลสำคัญนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีการกำหนดเงื่อนไขไว้อย่างไรบ้าง 

 

ไล่เลียงเหตุการณ์กันดู ย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งปี 62  "มือเศรษฐกิจ" ชั้นนำรายนี้  ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม"พรรคเศรษฐกิจใหม่" โดยเจ้าตัวลงสมัครส.ส. ซึ่ง "มิ่งขวัญ" สามารถนำพลพรรครวม6 คน เข้ามาเป็นส.ส.ได้  โดยเป็น"ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ"ทั้งหมด  

 

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์  กับการทำหน้าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ก่อนลาออกจากส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่

 

"ทำไมถึงเป็นส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด"  เพราะด้วยกติกาเลือกตั้งตามรธน.ฉบับปี 2560  ส่งผลให้ บรรดาพรรคการเมืองขนาด กลาง ขนาดเล็กได้แจ้งเกิด  จากสูตรหาร 500 ที่เรียกว่า คะแนนตกน้ำก็นำมาคำนวณได้เก้าอี้ส.ส. พึงมี 

 

มิอาจปฏิเสธได้เลย "มิ่งขวัญ"และชาวคณะ อยู่ในขบวนรถไฟสูตรหาร 500 เฉกเช่นเดียวกับ พรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ ที่มีโอกาสได้เดินเข้าสภาเกียกกาย  

เบื้องหลังดีลลับ "มิ่งขวัญ"กับสัญญาใจ "ลุงป้อม" สู่ชายคา"พลังประชารัฐ"

 

"พรรคเศรษฐกิจใหม่"  ของ "มิ่งขวัญ" ขณะนั้น ประกาศจุดยืนอยู่คนละขั้วรัฐบาล "ลุงตู่" ทว่า การดำเนินงานทางการเมืองรัฐบาล"ลุงตู่" ที่อยู่ในสภาพเสียงปริ่มน้ำ ทำให้ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่  5 คนแปรพักตร์ เข้าร่วมเติมเต็มเสียงให้ฝั่งรัฐบาล ปล่อยให้ "มิ่งขวัญ" ผู้มีจุดยืนแน่วแน่ ต้องตกอยู่ในสภาพ"หัวเดียวกระเทียมลีบ" ก่อน ประกาศลาออกจากส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ในที่สุด  

 

เป็นการลาออกในจังหวะที่ กฎกติกาเลือกตั้งกำลังได้รับการแก้ไข  ให้กลับมาเป็นสูตร บัตรเลือกตั้งสองใบ พร้อมหาร 100  ส่งผลให้บรรดานักเลือกตั้งปรับตัวจัดทัพกันใหม่ จนทำให้"มิ่งขวัญ" เทคโอเวอร์"พรรคสร้างโอกาส" เพื่อเตรียมทำศึกเลือกตั้ง 

 

การมีสังกัดอย่าง "พรรคสร้างโอกาส" ใช่ว่าจะเป็นที่มั่นสุดท้ายของ" มิ่งขวัญ" เพราะมีความเคลื่อนไหว ระดับแกนนำพรรคขนาดกลาง ลงไปถึงพรรคเล็ก ร่วมหารือถึงความร่วมมือทางการเมืองตลอดเวลา"มิ่งขวัญ" ก็เป็นหนึ่งรายชื่อที่หลุดรอดออกมาว่าอยู่ร่วมวงเจรจาระดับแกนนำพรรคขนาดกลาง จะเดินหน้าทำงานการเมืองร่วมกันอย่างไร   

 

ไม่ว่าจะเป็นฟากของแกนนำ"พรรคสร้างอนาคตไทย" ที่มี "อุตตม สาวนายน" เป็นหัวหน้าพรรค  หรือ"พรรคไทยสร้างไทย" ที่มี"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ" เป็นหัวหน้าพรรค หรือแม้แต่การร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับแกนนำ"พรรคเพื่อชาติ"  ถึงขนาดที่ว่ามีการยื่นเงื่อนไข ขอให้จัดบัญชีรายชื่อ "มิ่งขวัญ" อยู่ในลำดับต้นๆไปจนถึง การจัดเข้าไว้ในบัญชี "แคนดิเดตนายกฯ" ของพรรคการเมืองกันเลยทีเดียว 

 

การเจรจาต่อรอง เป็นไปพร้อมกับการติดตามสถานการณ์ "ร่างแก้ไขรธน." เกี่ยวกับ "สูตรเลือกตั้งบัตรสองใบ หาร 100" จะผ่านความเห็นชอบศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ กระทั่งศาลรธน.วินิจฉัยให้ ร่างกม.ประกอบรธน. เลือกตั้งไม่ขัดรธน.  นั่นหมายความว่า โอกาสที่พรรคการเมืองเกิดใหม่ หรือพรรคการเมืองขนาดเล็ก ต้องเหนื่อยมากขึ้นในการสะสมแต้มได้ส.ส.เข้าสภา กอปรกับการเสนอเงื่อนไขให้อยู่ในส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับต้นๆ รวมถึงขั้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่ไม่ลงตัว 

 

ทำให้ "มิ่งขวัญ" ต้องเปลี่ยนทิศทางหาหัวเรือใหม่ ด้วยการเล็งเป้าไปในระยะปลอดภัยที่สุดที่จะได้มีโอกาสเป็นส.ส.เข้าสภา

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อหลังประชุมครม.6 ธ.ค.65 เริ่มมีความชัดเจน ไปร่วมสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

เป้าหมายใหม่จึงมาเกิดขึ้นกับ"พรรคพลังประชารัฐ" ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและหัวหน้าพรรค   ซึ่งก็เกิดขึ้นในจังหวะประเหมาะพอดี ที่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นกับการไปต่อทางการเมืองที่ไม่ใช่สังกัดพรรคพปชร.  

 

ในวันที่ "พล.อ.ประยุทธ์" ไม่อยู่กับ "พปชร."  จึงเป็นวันที่ "มิ่งขวัญ" สามารถแอ่นอกตอบสังคมได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าไม่ได้ตระบัดสัตย์ หรือเสียจุดยืน เพราะการเข้าร่วมสังฆกรรมกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นไปตามคำเชิญของ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"   

 

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์  แถลงเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ด้วยการอ้างว่า พล.อ.ประวิตร เชิญเข้าร่วมงาน
 

"ต้องยกความดีความชอบให้กับ พลเอกประวิตร ในการเชิญผมมาร่วมพรรคเพราะเนื่องจากวันนี้ มีปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ พลเอกประวิตรอยากให้ผมมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการเข้ามาของผม เพื่อช่วยเติมเต็ม ทีมเศรษฐกิจของพรรค อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมมาพรรคพลังประชารัฐคือพลเอกประยุทธ์ ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"   

 

นี่คือ คำแถลง ของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์"  เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565  

 

การเตรียมคำแถลงให้สาธารณชนได้รับทราบครั้งนี้ จึงเป็นความลงตัวของมิ่งขวัญกับการเตรียมตอบคำถามสื่อ ถึงจุดยืนไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์  ยังคงเป็นไปตามเดิม 

 

แต่ดีลร่วมพปชร. อันนอกเหนือสคริ๊ปต์ โดยที่ไม่ปริปากแย้มออกมานั่นคือ การยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันด้วยการให้ "มิ่งขวัญ" จัดอยู่ในผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ ไม่ต่ำกว่าลำดับที่ 10 

 

ดีไม่ดีจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพปชร. เพราะถึงขนาด "บิ๊กป้อม"เปิดทางล่วงหน้าให้เป็น "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พปชร." บ่งบอกถึงการส่งสัญญาณว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาใจ ปูทางสู่"ตำแหน่งใหญ่" หากชนะเลือกตั้ง ตามกติกาเลือกตั้งใหม่ นั่นเอง  

 

 

 

logoline