ในที่สุดการผลักดันร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ด้วยการคำนวณให้ได้มาซึ่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 ต้องปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา มีสมาชิกรัฐสภาไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ "นายชวน หลีกภัย" ประธานรัฐสภา สั่งปิดประชุม ส่งผลให้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีอันต้องตกไปด้วย ตามกรอบเวลาของการจัดทำร่างกฎหมายที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน ซึ่งวันสุดท้ายก็คือวันที่ 15 สิงหาคมนั่นเอง
"คำถามตามมาว่า หลังจากนี้ กติกาที่จะนำมาใช้ในการเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้าจะเดินหน้าอย่างไรต่อ "
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 บัญญัติว่า ถ้าพิจารณาไม่เสร็จภายใน 180 วัน ก็ให้รัฐสภาใช้ร่างกฎหมายที่เสนอมาตามมาตรา 131 เป็นร่างที่ผ่านรัฐสภาได้เลย ไม่จำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีก
หากย้อนกลับไปดูจะพบว่ามีร่างที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา จำนวน 4 ร่าง โดยเนื้อหาทั้ง 4 ร่างนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก คือ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 100 แต่ร่างหลักคือร่างของคณะรัฐมนตรี ดังนั้นจึงต้องใช้ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งกฎหมายถูกเสนอเข้ารัฐสภาแล้ว
ขั้นตอนจากนี้ ประธานรัฐสภาต้องส่งร่างดังกล่าวกลับไปให้ กกต.พิจารณาและให้ความเห็นกลับมาที่รัฐสภาภายใน 10 วันหากไม่มีความเห็นแย้งจากนั้นก็ส่งไปยัง นายกรัฐมนตรี ตามขั้นตอนต้องพัก 5 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งเชื่อว่า ระหว่างนี้ ส.ส.หรือ ส.ว.75 คน หรือเสียง 1 ใน 10 ของรัฐสภาฯสามารถ ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่หากไม่มี ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯได้ เพื่อรอโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ต่อไป
เมื่อพิจารณาสาระสำคัญหลักของร่างกฎหมายกม.ลูกเลือกตั้งส.ส.สูตรหาร 100 มีดังนี้
มองถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ เมื่อมีการนำร่างพรป.เลือกตั้งส.ส.สูตรหาร 100 กลับมาเคาะกันใหม่ ย่อมเป็นความต้องการของพรรคการเมืองขนาดใหญ่อยู่แล้ว อย่างเช่น พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศทุกสนามเลือกตั้งว่าต้องชนะแลนด์สไลด์
ยิ่งกลับมาใช้วิธีคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อด้วยสูตรหาร 100 ยิ่งเติมความได้เปรียบในการได้รับคะแนนความนิยมเพื่อมาคำนวณให้ได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อกลับมาอีกเป็นอะไรที่แตกต่างจาก กติกาการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ที่มีการคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ด้วยการใช้สูตรหาร 500 ทำให้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เดินเข้าสภาสักรายเดียว เพราะเทคะแนนไปที่ส.ส.ระบบเขตเต็มที่แล้ว
กล่าวแบบนี้ย่อมเป็นคำตอบถึงพรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่จะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ คือ อาจถึงขั้นสูญพันธุ์
"นิกร จำนง" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.ป.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ… ยอมรับว่า แนวทางนี้ พรรคการเมืองใหญ่มีความได้เปรียบพรรคการเมืองขนาดเล็ก เพราะมีสายป่านที่ยาว และโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า แต่ถ้าพรรคการเมืองขนาดเล็กมีการปรับตัว สร้างความนิยมกำหนดเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเฉพาะก็ยังมีโอกาสที่จะมีที่ยืนในสภาฯต่อไปได้ สูตรการคำนวณแบบนี้ ไม่ได้ปิดกั้นหรือปิดตายพรรคการเมืองขนาดเล็กให้สูญพันธุ์ เพราะมีช่องทางให้สามารถดำเนินการได้
คราวนี้ ลองนำสูตรหาร 100 มาพิจารณากับพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะชะตากรรมของบรรดาพรรคการเมืองขนาดเล็ก พรรค 1 เสียง รวมถึงพรรคปัดเศษ โดยเทียบเคียงผลคะแนนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
เมื่อมาดูสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 บัตร 2 ใบ...ใครสูญพันธุ์
คะแนนบัตรดีทั้งหมด 35,561,556 คะแนน (หักบัตรเสีย และไม่ประสงค์ลงคะแนนออกแล้ว)
จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ 38,268,366 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 74.69
จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 51,239,638 คน
เมื่อดูจากข้อสังเกต
ผลตามมาคือ พรรคเล็กต้องหนีตาย และควบรวมกับพรรคใหญ่ การเมืองไทยจะเป็นแบบใดต่อไป
ชมคลิป>>>