ภายหลังเสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ๑๑ รัฐมนตรี ท่านประธานชวน หลีกภัยได้นัดหมายประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติม พรป.การเลือกตั้ง และ พรป.พรรคการเมือง ให้ทันฤดูกาลเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง
การแก้ไขเพิ่มเติมพระบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ๒ ฉบับ เป็นผลกระทบมาจากรัฐสภาได้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง ๓ มาตรา ได้แก่ ม.๘๓, ๘๔และ ๙๑ ในเรื่องที่เกี่ยวกับสัดส่วน สส.ระบบเขตกับปาร์ตี้ลิสต์ เป็น ๔๐๐ ต่อ ๑๐๐ และเปลี่ยนระบบบัตรเลือกตั้งจาก ๑ ใบ เป็น ๒ ใบ
พลเมืองผู้ตื่นรู้ควรจับตา เฝ้าระวังมิให้เกินธง (แก้เกินรัฐธรรมนูญ) และถอยหลังลงคลอง (ผิดเจตนารมณ์ของแผนปฏิรูปประเทศด้านการเมือง)
ในส่วนของ พรป.การเลือกตั้ง มีประเด็นแก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น ๒๑ ประเด็น ได้แก่
• เรื่องกติกาการเลือก ส.ส.แบบเขต ๔๐๐ คน เลือกส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ๑๐๐ คน, เรื่องการกำหนดวันและสถานที่, เรื่องการตั้งกรรมการประจำหน่วย ๙ คน
• เรื่องวิธีการคำนวณ สส.พึงมี เพื่อแบ่งเขตเลือกตั้ง, เรื่องระบบการออกเสียง หน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง, เรื่องการจัดทำและประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
• เรื่องสิทธิการสมัครรับเลือกตั้ง, เรื่องเกี่ยวกับผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ, เรื่องการใช้เลขประจำตัวผู้สมัครให้เป็นอันเดียวกันทั้งสองระบบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้คงจะมีการอภิปรายโต้เถียงกันมาก เพราะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน
• เรื่องเพดานค่าใช้จ่ายในการหาเสียง, เรื่องข้อห้ามเพิ่มเติม ๔ อย่าง, เรื่องการเปลี่ยนระบบบัตรเลือกตั้ง, เรื่องวิธีพับบัตร การหย่อนบัตร, เรื่องวิธีการการนับคะแนน สส.เขต, เรื่องการจัดการกรณีจำนวนบัตรกับคะแนนไม่ตรงกัน หรือ "บัตรเขย่ง"
• เรื่องวิธีการคำนวณคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯเสียงข้างมากให้ใช้ ๑๐๐ หาร ส่วนเสียงข้างน้อยต้องการให้หารด้วย ๕๐๐ ซึ่งพรรคใหญ่บางพรรคต้องการกินรวบ ฝ่ายพรรคกลาง พรรคเล็ก พรรคจิ๋วต้องสู้เพื่อความอยู่รอด
• เรื่องการประกาศผล สส.บัญชีรายชื่อ, เรื่องการประกาศราชกิจจานุเบกษา, เรื่องกรณีการเลือกตั้งทุจริต การยกเลิกผล การเลือกตั้งใหม่ การระงับสิทธิ์, เรื่องสิทธิในการยื่นคัดค้าน, และเรื่องกำหนดตัวผู้เสียหายคดีเลือกตั้ง ใครจะเป็นผู้ฟ้องร้อง
ส่วน พรป.พรรคการเมือง นั้นมีประเด็นแก้ไขเพิ่มเติม รวม ๑๑ ประเด็น ได้แก่
• ตอกย้ำหลักการให้พรรคการเมืองเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำ ปรับลดค่าสมาชิกพรรค ๒๐ บาท/ปี ๒๐๐ บาทตลอดชีพ, อายุ สัญชาติ และคุณสมบัติสมาชิกพรรค ไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุก เว้นแต่รอลงอาญา ไม่เคยจำคุก ๕ ฐานความผิด และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น
• ให้ตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดได้, พรรคเป็นผู้กำหนดว่าสาขาหรือตัวแทนพรรคหน่วยใด จะเป็นผู้ดำเนินการสรรหาผู้สมัครในจังหวัดนั้น
• ต้องการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งขั้นต้น ตัดอำนาจโหวตของสมาชิกพรรค ดึงการตัดสินใจมาอยู่ที่ผู้บริหารพรรคตามเดิม ที่ประชุมสมาชิกสาขาหรือตัวแทนจังหวัด แค่แสดงความคิดเห็นขั้นต้น อำนาจตัดสินใจอยู่ที่คณะกรรมการสรรหาและคณะกรรมการบริหารพรรค
• ยกเลิกข้อห้ามการดำเนินการสรรหา (ม.๕๓), ห้ามบุคคลใดที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเข้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสรรหาผู้สมัคร (ม.๕๕), คงหลักการบทลงโทษการฝ่าฝืนข้อห้ามการสรรหาผู้สมัคร(ม.๑๑๘) และ เพิ่มบทเฉพาะกาลช่วงเปลี่ยนผ่าน