svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

ชนวนเหตุ"วราวุธ - มนัญญา"เปิดวิวาทะกลางครม."ลุงตู่"ห้ามศึกจนลืมวาระสำคัญ

06 เมษายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เผยชนวนเหตุสองรมต. สองพรรคเปิดศึกวิวาทะกลางที่ประชุมครม. จนนายกฯ"ลุงตู่" ต้องเชิญให้ไปเถียงกันข้างนอกห้องประชุม หลงลืมวาระสำคัญที่กำลังพิจารณากันอยู่อย่างน่าเสียดาย

 

แม้ทำการเคลียร์ใจกันไปเรียบร้อยโรงเรียนรัฐบาล"ลุงตู่" จากกรณีสองรมต.สองพรรค เปิดศึกวิวาทะกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่าง "วราวุธ ศิลปอาชา" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากพรรคชาติไทยพัฒนา กับ "น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์"  รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย จนทำให้พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานที่ประชุมครม. ต้องตัดบทด้วยการขอเชิญสองรมต.ไปเถียงกันข้างนอกห้องประชุม  

 

ชนวนเหตุ"วราวุธ - มนัญญา"เปิดวิวาทะกลางครม."ลุงตู่"ห้ามศึกจนลืมวาระสำคัญ

 

สงสัยเหลือเกินชนวนเหตุมาจากเรื่องใดกันแน่  จึงต้องขอย้อนกลับไปก่อนหน้านี้  มีวาระสำคัญเรื่องหนึ่งเข้าสู่ที่ประชุมครม. ซึ่งเจ้าของเรื่องมาจาก กระทรวงการคลัง  นั่นคือการเสนอ  ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ)   

 

อีกนัยคือการเสนอขอขยายเวลามาตรการภาษี หรือยกเว้นภาษีผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ  

 

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 25 %ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากผู้ผลิตตามประเภทที่อธิบดีประกาศกำหนด และได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 

 

ที่ประชุมครม.เห็นชอบตามข้อเสนอข้างต้น แต่ด้วยเหตุผลกลใด จึงทำให้ "วราวุธ  ศิลปอาชา"  รมว.ทรัพยากรฯ และ"มนัญญา ไทยเศรษฐ์"  รมช.เกษตรฯ ต้องเปิดศึกวิวาทะกัน!!! 

 

มนัญญา ไทยเศรษฐ์  รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย

 

ระหว่างการพิจารณาเรื่องนี้ จู่ๆ  "มนัญญา" กล่าวขึ้นมาว่า เรื่องถุงพลาสติกที่ร้านค้าไม่ให้ประชาชนที่มาซื้อของ แต่กลับขายถุงพลาสติกเอาเปรียบประชาชน 

 

มาถึงตรงนี้ "มนัญญา"พาดพิงไปถึง "วราวุธ" เจ้ากระทรวงทรัพยากรฯแบบเต็มๆ ว่า "ขอฝากถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมี"นายวราวุธ" เป็นรัฐมนตรีว่าการ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร

 

ทำให้"วราวุธ"  กล่าวสวนขึ้นมาแบบมีอารมณ์ว่า "ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงของผม เพราะผมดูแค่นโยบายการลดใช้ถุงพลาสติก เป็นเรื่องของร้านค้า ดังนั้น การพูดพาดพิง อย่าพูดเอามัน"

 

จากนั้นเหตุการณ์บานปลาย เมื่อ "มนัญญา" ตอบโต้ทันควันว่า "พูดแบบนี้ไม่รับผิดชอบ"  และจากนั้นรัฐมนตรีทั้ง 2 พรรค ต่างเปิดไมค์ตอบโต้กันไปมา ทำให้บรรยากาศในที่ประชุมดูเคร่งเครียด 

 

ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งนั่งหัวโต๊ะประชุม ถึงกับโมโหและพูดเสียงดังว่า "พอแล้ว จะเถียงกันไปทำไม ไปเถียงกันข้างนอก นี่ขนาดผมนั่งอยู่ตรงนี้นะเนี่ย" 

 

ทั้งคู่จึงหยุดโต้เถียงกัน ขณะที่ "มนัญญา"ได้ลุกเดินออกจากห้องประชุมทันทีทั้งที่ยังประชุมไม่จบ

 

 

จากนั้นไม่นาน มนัญญา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวหลังประชุม ครม. ว่า "ไม่ได้ติดใจอะไร หญิงชายเท่าเทียมกันอยู่แล้วค่ะ"พร้อมระบุอีกว่า วันนี้ประชุม ครม. มีคำถามที่ถามในมติ ครม. ถามกลับผู้ชายคนหนึ่ง ตอบกลับมาใช้คำว่า "เอามัน" ถามกลับไปว่า "เอามัน" หมายถึงอะไร ตอบกลับมาว่า "ก็เอามันคนที่ถาม" ไม่ได้ติดใจคำนี้ แต่งงมาก เกิดมาไม่เคยได้ยิน ช่วยหาคำตอบให้หน่อยค่ะ 

 

อย่างไรก็ดี ภายหลัง"มนัญญา" ออกจากห้องประชุม ครม.ด้วยอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดแล้วไปโพสต์ข้อความระบายอารมณ์ต่อ  ขณะที่"วราวุธ" ที่เดินออกจากห้องประชุมครม.ก็ปรับอารมณ์ได้ ด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อ  "กำลังจะตามไปขอโทษ นางสาวมนัญญาอยู่ เพราะไม่ควรไปต่อปากต่อคำ เป็นสิ่งไม่ดี ผมอาวุโสน้อยกว่า จึงต้องติดต่อไปขอโทษ และต้องขออภัยด้วย หากตอบอะไรไปแล้วทำให้ระคายเคืองใจ ซึ่งควรต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ ที่ทำไปเป็นสิ่งไม่ดี"  

....

เอาหล่ะ หากพิจารณาเรื่องราวข้างต้น เห็นได้ว่า เป็นการถกเถียงกันในระห่ว่างการพิจารณาวาระครม.ที่ว่าด้วยการขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ให้กับผลิตภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพออกไป  แต่สาระของการถกเถียงของสองรมต.ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่เลย 

  

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถ้าพิจารณาจากข้อเสนอในวาระนี้ มีการประมาณการการสูญเสียรายได้ การกำหนดสิทธิประโยชน์ภาษีนี้ คาดว่าภาครัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2565 ถึง 2567 ประมาณปีละ 673 ล้านบาท แต่จะมีส่วนช่วยลดงบประมาณของภาครัฐในการกำจัดขยะตกค้างและการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นจำนวนหนึ่ง   
           

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ  ช่วยส่งเสริมการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เพื่อเป็นทางเลือกของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และเพื่อใช้ทดแทนพลาสติกที่สลายตัวไม่ได้ทางชีวภาพ อันจะช่วยส่งเสริมให้บรรลุเป้าประสงค์ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Bio Hub of ASEAN 2) ช่วยลดต้นทุนผลิตภัณฑ์และส่งเสริมให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และส่งเสริมให้ภาคธุรกิจรวมทั้งประชาชนมีความสนใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้  ช่วยลดปริมาณขยะและสิ่งตกค้างที่ไม่ย่อยสลาย ส่งผลดีในเรื่องการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศ อันจะเป็นการช่วยลดงบประมาณของภาครัฐในการกำจัดขยะตกค้างและการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นจำนวนหนึ่ง    
        

...... นี่คือสาระสำคัญที่ครม.ในรัฐบาลลุงตู่ควรถกเถียงแสดงความเห็นกันมากกว่า .... 

 

วราวุธ  ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากพรรคชาติไทยพัฒนา

 

อาจมีความเกี่ยวข้องอยู่บ้างตรงที่ในส่วนของ"นายวราวุธ"  เจ้ากระทรวงทรัพยากรฯ กำลังดำเนินการรณรงค์ในเรื่องการลดขยะพลาสติก กล่องโฟม ในทุกวิถีทาง อย่างเช่น การร่วมมือกับภาคเอกชน ออกแคมเปญลดการใช้พลาสติก หรือแม้แต่การออกประกาศห้ามนำภาชนะโฟม  หรือพลาสติกเข้าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันนี้( 6 เม.ย.65 ) 

 

ชนวนเหตุ"วราวุธ - มนัญญา"เปิดวิวาทะกลางครม."ลุงตู่"ห้ามศึกจนลืมวาระสำคัญ

 

ในขณะที่ "มนัญญา" รมช.เกษตรฯ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงเกษตร อาจยังไม่มีความชัดเจนในแง่ของการขานรับนโยบายรัฐบาลเรื่องการลดพลาสติกไปปฏิบัติผ่านกระทรวงที่กำกับดูแล จึงต้องออกมาในรูปของการแสดงความเห็นโยนเรื่องไปให้กระทรวงทรัพยากรฯทั้งที่น่าจะฝากฝังไปถึง นายจุรินทร์  ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกฯและรมว.กระทรวงพาณิชย์ จากพรรคประชาธิปัตย์  และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม จากพรรคพลังประชารัฐ  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก น่าจะตรงวาระที่พิจารณากันอยู่  แต่นี่ เป็นการฝากฝังผิดที่ผิดทางจึงต้องเข้าทำนอง "พูดเอามัน" 

 

ผู้ที่กุมขมับต่อไปเห็นจะเป็น"ลุงตู่" ในฐานะประธานหัวโต๊ะครม.ที่จะต้องรับบทควบคุมสถานการณ์แบบนี้ ไปอีกหลายวาระร้อนที่จะเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในช่วงใกล้สิ้นอายุขัยรัฐบาล   

 

 

 

 

logoline