
ศึกขุนหาญ-ภูสิงห์ จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล คว้าชัย เนวิน ล้างอาถรรพ์แพ้นายใหญ่ ล้างอายบ้านใหญ่กันทรลักษ์
ปัจจัยน้ำเงินชนะแดง พิษคลิปอังเคิลบวกชาตินิยม ปัจจัยชี้ขาดคือ อานุภาพการจัดตั้งและทรัพยากรบ้านใหญ่ไตรสรณกุล
ผลการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เป็นไปตามความคาดหมายคือ “อีฟ” จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สส.หมายเลข 2 พรรคภูมิใจไทย ได้ 39,885 คะแนน และ “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ผู้สมัคร สส.หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ได้ 31,205 คะแนน
ชัยชนะของ จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล เหมือนศึกล้างตาล้างอาย เนื่องจากปี 2566 “ส้มโอ” ธีระ ไตรสรณกุล พ่ายอมรเทพ สมหมาย แบบเจ็บช้ำ ด้วยข้อหา “งูเห่า”
ผู้ที่รู้สึกสะใจในชัยชนะหนนี้คือ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่บุรีรัมย์ ที่ติดกับดักงูเห่ามายาวนาน นับตั้งแต่ปี 2554 โดยเฉพาะเขตชายแดนศรีสะเกษ
อย่างที่เราทราบกัน อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวกูย(ส่วย) ที่มีโหวตเตอร์ส่วนใหญ่ รักและศรัทธาทักษิณ ชินวัตร และชื่นชอบนโยบายประชานิยม
แบรนด์ทักษิณ แบรนด์แดงเพื่อไทย อยู่ในใจชาวกูย(ส่วย) นับแต่การเลือกตั้งปี 2548 จนถึงการเลือกตั้งปี 2566
ปี 2548 อมรเทพ สมหมาย พรรคไทยรักไทย
ปี 2550 ธีระ ไตรสรณกุล และวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ พรรคพลังประชาชน (เลือกตั้งหนนี้ แบ่งเขตเรียงเบอร์ อ.ภูสิงห์ อ.ขุนหาญ รวมกับ อ.กันทรลักษ์)
ปี 2554 ธีระ ไตรสรณกุล พรรคเพื่อไทย
ปี 2562 ธีระ ไตรสรณกุล พรรคเพื่อไทย
ปี 2566 อมรเทพ สมหมาย พรรคเพื่อไทย
เหตุปัจจัย จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ค่ายน้ำเงิน ได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก
1.กระแสชิงชัง “คนขายชาติ” บวกกระแส “ชาตินิยม” ในพื้นที่ชายแดนอีสานใต้
2.บ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ที่มีฐานเสียง สจ.ทั้ง อ.ภูสิงห์ 1 คน และ อ.ขุนหาญ 2 คน ขณะที่ค่ายสีแดง ไม่มี สจ.
3.แบรนด์พรรคสีน้ำเงินโดดเด่นขึ้น กรณีถอนตัวจากรัฐบาลแพทองธาร และชูธงหนุนกองทัพเต็มที่
แม้คนในพื้นที่ อ.ขุนหาญ บางส่วนหนึ่งยังฝังใจเรื่อง “เนรคุณ” หรือ “งูเห่า” แต่คน อ.ภูสิงห์ ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม 5 วัน กลับเทใจเลือกแบรนด์น้ำเงินมากกว่าความเป็นบ้านใหญ่
4.ทรัพยากรของบ้านใหญ่ตระกูล “ไตรสรณกุล” มีความพร้อมมากกว่าตระกูล “สมหมาย” และนี่คือปัจจัยชี้ขาดในโค้งสุดท้าย
แน่นอน ชัยชนะของภูมิใจไทย และครูใหญ่เนวินที่สนามชายแดนศรีสะเกษ จะส่งผลสะเทือนในระดับกว้าง
ชั่วโมงนี้ ได้เห็น ชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ภักดีนายใหญ่ โบกมือลาค่ายสีแดงแล้ว ก็จะได้เห็น สส.อีสานอีกหลายซุ้ม คงคิดอ่านหาทางถอย ในเมื่อแบรนด์เพื่อไทยไม่แข็งแรงเหมือนในอดีต
“กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ทายาทของ อมรเทพ สมหมาย อดีต สส.ศรีสะเกษ ผู้ล่วงลับ รู้ดีว่า กระแสเพื่อไทยร่วงหนัก หลังคดีคลิปเสียง ที่ส่งผลให้แพทองธาร ชินวัตร หลุดเก้าอี้นายกฯ
บวกกับสถานการณ์การเมืองพลิกผัน ช่วงที่สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อไทยยังเป็นรัฐบาล พอใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ค่ายสีแดงพลิกเป็นฝ่ายค้าน ค่ายน้ำเงินกลับมาเป็นรัฐบาล
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว จึงมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของประชาชน 2 อำเภอ
ในโค้งสุดท้าย ภูริกา พยายามขายความเป็น “ท้องถิ่นนิยม” และชาติพันธุ์กูย เพราะรู้ว่า คู่แข่งเป็นลูกหลานคนจีนในกันทรลักษ์ แต่ก็ไม่สามารถเรียกคะแนนสงสารได้มากพอที่จะเป็นฝ่ายกำชัย
ที่สำคัญ สส.ศรีสะเกษ 4 คน พรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่ได้แปรพักตร์ไปสังกัดพรรคอื่น กลับไม่เข้าพื้นที่เขต 5 มาช่วยหาเสียง มีแต่ทีม สส.นอกพื้นที่ โดยการนำของ มนพร เจริญศรี อดีต รมช.คมนาคม
สถานการณ์ 2 วันสุดท้าย แกนนำค่ายสีแดง จึงทำได้เพียงปั้นกระแสสงสารครอบครัว “สมหมาย” และงัดกลยุทธ์ประคอง “คะแนน” ตามสภาพของทรัพยากรที่มีจำกัด