
2 ปีบารมีไม่ถึง ฮุนมาเนต เรตติ้งตก พ่ายศึกเสียดินแดน กระแสชาตินิยมตีกลับ ฮุนเซน กุมขมับติดกับดักสงคราม
พิษเกมสงคราม ฮุนเซน ดิ้นสู้ไทยปิดด่าน ฮุนมานี ปลุกสินค้าเขมรทำได้ อุ้มเศรษฐกิจปากท้อง ลดกระแสต้านตระกูลฮุน
สัญญาณบอกเหตุ กองทัพกัมพูชา เคลื่อนจรวด BM-21 และรถถังประชิดชายแดนไทย กองทัพไทยทุกเหล่าทัพ เตรียมพร้อมปกป้องอธิปไตยเต็มที่
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไม่คุย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยืนยันไม่มีการเปิดด่านตามคำของกัมพูชา
สมเด็จฮุน เซน รู้สึกหงุดหงิดประเด็นปิดด่าน จึงโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“จุดยืนของกัมพูชานี้จะไม่เปลี่ยน และกัมพูชาจะไม่ยอมลดตัวไปขอให้ไทยเปิดด่านชายแดนเด็ดขาด ต่อให้ไทยปิดต่อไปอีก 100 ปี ก็ไม่ทำให้กัมพูชาล่มสลาย”
จริงๆแล้ว สมเด็จฮุน เซน โพสต์ประเด็นนี้ ก็เพื่อประชาสัมพันธ์งาน “เขมรทำได้” ที่จะจัดขึ้นเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมทางเศรษฐกิจ “เขมรทำ เขมรใช้”
ท่านผู้หญิงเพชร จันทร์มุนี ภริยานายกฯ ฮุน มาเนต ได้เข้าชมงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์กัมพูชา ภายใต้หัวข้อ “ชาวเขมรทำได้ : ร่วมกันผลักดันและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ” ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมเกาะพิช อาคาร (G-L)
งานนิทรรศการ “เขมรทำได้” จัดขึ้นโดยสหภาพสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา (UYFC) ภายใต้การชี้นำของฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรี
นับแต่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ภายใต้การชี้นำของ สมเด็จฮุน เซน ดำเนินกลยุทธ์ “ชาตินิยม” ที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย และเกิดเหตุสู้รบนาน 5 วัน ส่งผลให้สูญเสียชีวิตทหารจำนวนมาก
มิหนำซ้ำ กองทัพไทยยังใช้จังหวะนี้ เคลียร์พื้นที่ช่องอานม้า ภูมะเขือ ภูผี และปราสาทตาเมือนธม ทำให้คนเขมรทำใจรับไม่ได้ ที่ต้องสูญเสียดินแดน
ที่สำคัญ รัฐบาลไทยยังใช้มาตรการประกาศปิดด่านกดดันรัฐบาล ฮุน มาเนต ทำให้ชาวเขมรเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะขาดแคลนสินค้าไทย
สมเด็จฮุน เซน จึงแก้เกมภายในประเทศ โดยใช้บริการบุตรชายคนเล็ก ฮุน มานี ประธานสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา (UYFC) เป็นผู้ปลุกกระแสชาตินิยมทางเศรษฐกิจ
UYFC เป็นองค์กรเยาวชนที่ทรงอิทธิพล ฮุน มานี ใช้สร้างเครือข่ายทางการเมืองรุ่นใหม่ และจัดกิจกรรมเชิงอุดมการณ์ของพรรคประชาชนกัมพูชา
สมาชิกองค์กร UYFC ส่วนใหญ่เป็น Gen Y Gen X Gen Z และ Gen Alpha ซึ่งเป็นประชากรหลักของประเทศ
ช่วงสงครามกัมพูชา-ไทยรอบนี้ ฮุน มานี ได้แสดงบทบาทผู้นำ UYFC ในการจุดไฟชาตินิยม และทำสงครามไอโอตอบโต้ไทยอย่างทรงพลัง
ดังนั้น แกนนำฝ่ายค้านนอกประเทศ จึงมีการวิเคราะห์ว่า หาก ฮุน มาเนต เรตติ้งยังตกต่อเนื่อง สมเด็จฮุน เซน อาจเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยผลักดันให้ ฮุน มานี ก้าวขึ้นผู้นำเขมรยุคเจนใหม่
40 กว่าปีบนเส้นทางอำนาจ จากยุคสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา จนมาถึงราชอาณาจักรกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน หล่อเลี้ยงการรักษาอำนาจด้วย “ชาตินิยมเขมร”
โสภาล เอียร์ นักวิเคราะห์การเมืองชาวกัมพูชา อาจารย์ประจำสถาบันการจัดการระดับโลกธันเดอร์เบิร์ด ม.แอริโซนา ส่องกล้องมองความขัดแย้งกัมพูชา-ไทย ครั้งล่าสุดผ่านสำนักข่าวบีบีซีไทยว่า
“ฮุน เซน อาจพยายามแสดงว่า ตนเองและพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เป็นผู้พิทักษ์อธิปไตยของกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือด้วยกระแสชาตินิยมภายในประเทศ รวมถึงทดสอบความสามัคคีทางการเมืองไทย”
สมเด็จฮุน เซน พยายามดึงความสนใจจากนานาชาติ และการไกล่เกลี่ยจากภายนอก ซึ่งเป็นกลไกที่ไทยพยายามปฏิเสธมาโดยตลอด
อดีตนายกฯกัมพูชา ฉายา “บุรุษเหล็ก” ประเมินการเมืองไทยผิด โดยหารู้ไม่ว่า “รัฐพันลึก” คือผู้กุมอำนาจแท้จริง ไม่ใช่รัฐบาลแพทอง และรัฐบาลอนุทิน
ต่างจากปี 2552-2554 สมเด็จฮุน เซน ยังสามารถเจรจาสงบศึกได้ง่ายกว่าปัจจุบัน เพราะรัฐบาลและกองทัพไทยสมัยนั้น มีลักษณะประนีประนอมสูง
สมเด็จฮุน เซน มีประวัติการใช้ข้อพิพาทชายแดน เพื่อรวบรวมการสนับสนุนจากสาธารณชนในประเทศ และสร้างอำนาจต่อรองในต่างประเทศมาอย่างยาวนาน
สำหรับการพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย ปี 2568 สมเด็จฮุน เซน ติดกับดักสงครามชาตินิยม จะเดินหน้ารบต่อก็ลำบาก เพราะสูญเสียทหารและอาวุธยุทธปัจจัยไปเยอะ ครั้นจะถอยก็กลัวสูญเสียอำนาจทางการเมือง