
ขุนศึกอีสานใต้ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รับไม้ต่อ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง คุมกองทัพภาคที่ 2 พร้อมสู้ศึกเขมรภาค 2
ย้อนปี 2554 แม่ทัพเติ่ง นำนักรบ ร.16 ค่ายบดินทรเดชา สู่สมรภูมิพระวิหาร ภูมะเขือ เผชิญหน้า ฮุน มาเนต สมัยคุมทัพกองพลน้อยที่ 70
เป็นไปตามความคาดหมาย หลัง “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลางเกษียณในวันที่ 30 ก.ย.2568 “แม่ทัพเติ่ง” พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ก็รับไม้ต่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 2
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงยืนยันว่า พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ถือว่าถูกตัวถูกที่สำหรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ในช่วงวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา
แม้ขณะนี้จะอยู่ระหว่างการหยุดยิงชั่วคราว แต่ฝั่งกัมพูชาก็ไม่หยุดเสริมกำลังรบ และพยายามยั่วยุทหารไทยตลอดเวลา
อย่างที่รู้กัน กองทัพกัมพูชาได้ประจักษ์ในความแข็งแกร่งของกองทัพภาคที่ 2 มาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งตอนนั้น พล.ต.วีระยุทธ เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบเฉพาะกิจที่ 161 หรือ “กองพันเฉพาะกิจพระวิหาร” รับผิดชอบทั้งช่องอานม้าและภูมะเขือ
ส่วน ฮุน มาเนต เพิ่งครองยศ “พลตรี” คุมหน่วยรบพิเศษ ทั้งกองพลน้อยที่ 71 และหน่วยรบพิเศษ 911 ได้นำทัพเข้าสู่สมรภูมิเขาพระวิหาร หวังโชว์ความเป็นผู้นำทางทหาร สั่งสมบารมีให้แก่กล้า เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำกองทัพในวันข้างหน้า
ตัดกลับมาที่สงคราม 5 วันปี 2568 ฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งทหารนับหมื่นคนประชิดชายแดนไทย และเปิดศึกรบรอบใหม่ เหมือนต้องการทำศึกล้างตาที่พ่ายเมื่อปี 2554
ขณะที่ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 และอยู่ในวอร์รูมปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ตั้งแต่วันที่เสียงปืนแตก จนถึงเส้นตายการหยุดยิง 28 ก.ค.2568
ขุนศึกอีสานขนานแท้
“แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เป็นชาวอุดรธานี ลูกอีสานเหนือ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ก็เป็นลูกอีสานกลาง โดยเกิดที่บ้านยางกู่ ต.มะอึ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย รุ่นที่ 74
“แม่ทัพเติ่ง” เรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 26 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 37 ซึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นคือ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. และ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง
พล.ต.วีระยุทธ รับราชการที่กรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร ตั้งแต่ระดับนายร้อยนายพัน จนเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 (ผบ.ร.16) ปี 2561
กรมทหารราบที่ 16 (ร.16) เป็นหน่วยทหารหลัก ผู้พิทักษ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เคยผ่านสมรภูมิช่องบกปี 2528-2530 และเขาพระวิหาร ปี 2554
“แม่ทัพเติ่ง” สมัยเป็น ผบ.ร.16 ยังเป็นผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ อ.ขุนหาญ อ.ขุขันธ์ และ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
ปี 2564 พล.ต.วีระยุทธ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ควบคุมพื้นที่ไทย-กัมพูชา ก่อนจะมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2
บทเรียนตระกูล “ฮุน”
ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคยนำทัพสมัยสงครามไทย-กัมพูชา ปี 2554
พ.ศ.นั้น ฮุน มาเนต ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายพล 2 ดาว หรือพลตรี มีหน้าที่บัญชาการยุทธศาสตร์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยคุมกองกำลังกองพลน้อยที่ 70 และหน่วยรบพิเศษ 911 เข้าสู่แนวหน้า
ส่วน พล.อ.ฮิง บุนเฮียง ผบ.หน่วยองครักษ์ BHQ ก็นำกำลังมาที่ จ.พระวิหาร แต่ไม่ได้มีบทบาทในการสู้รบกันมากนัก
ด้านผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นของกัมพูชาตอนนั้นคือ พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ,พล.ต. นวน โน รองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 พล.ท.สรัย ดึก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ประจำ จ.พระวิหาร
ศึกพระวิหารยกแรก ฮุน มาเนต ได้รับบาดเจ็บจากการระดมยิงปืนใหญ่ของทหารไทย ซึ่งผลการสู้รบปรากฏว่า ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 64 คน และบาดเจ็บหลายร้อยคน
ปี 2554 ฮุน มาเนต ต้องจดจำอิทธิฤทธิ์ปืนใหญ่ 155 มม.ของกองทัพภาคที่ 2 ไปนานหลายปี และปีนี้ ตระกูล “ฮุน” ก็ยังเจอพิษสงไข่เหล็กจากเอฟ 16 และกริพเพน เสียหายยับเยิน