
ถ่ายเลือดครั้งใหญ่ ทักษิณ ดันยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ ธงนำอีสาน ปั้นสส.เลือดใหม่ ปิดตำนานเสาไฟฟ้าสีแดง
วิเคราะห์อดีต สส.อีสาน ค่ายสีแดงแห่ซบลุงป้อม แยกเป็น 3 กลุ่มคือ ยาหมดอายุ รู้ตัวพรรคไม่ส่ง และเชื่อพรรคกระแสต่ำ
ปรากฏการณ์ “21 อดีต สส.” สลัดทิ้งเสื้อสีแดงมาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกว่าร้อยละ 90 เป็นนักการเมืองภาคอีสาน ที่เคยอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร มานาน
มีกระแสข่าวรายงานว่า ยังมีจะอดีต สส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ที่รอเปิดตัวกับค่ายบ้านป่ารอยต่อฯ ในเร็ววันนี้
ว่ากันตามตรง อดีต สส.เหล่านี้ที่อำลาพรรคสีเดง ต่างมีเหตุผลส่วนตัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงจำแนกได้ 3 กลุ่ม
พวกนี้เป็น สส.สมัยพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน เคยย้ายไปหลายพรรค แต่สอบตกทุกครั้ง
ได้แก่อดีต สส.เพื่อไทย ที่สอบตกสมัยที่แล้ว 8-9 คน ใน จ.ชัยภูมิ, จ.สุรินทร์ ,จ.ร้อยเอ็ด, จ.บึงกาฬ, จ.กาฬสินธุ์ ,จ.ยโสธร และ จ.อุบลราชธานี
นัยว่า หลายเขตที่เคยเป็นของอดีต สส.สีแดง เวลานี้ พรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้วางตัวผู้สมัคร สส.เลือดใหม่ ไฟแรง และมีทรัพยากรเป็นของตัวเอง ลงทำกิจกรรมในพื้นที่แล้ว
มีอยู่ไม่กี่คน สมัยที่แล้วสอบตก เพราะหวังพึ่งกระแสพรรค กลับพบว่า เพื่อไทยขายยาก นายใหญ่มนต์เสื่อม จึงหาสีเสื้อตัวใหม่มาใส่ลงสนาม
กล่าวโดยสรุป ที่ผ่านมา อดีต สส.อีสานเพื่อไทยส่วนใหญ่ เป็น “สส.เสาไฟฟ้า” ได้รับเลือกเพราะกระแสทักษิณ กระแสยิ่งลักษณ์ และกระแสคนเสื้อแดง
เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยน กระแสพรรคสีส้มมาแรง และพรรคสีน้ำเงินใช้กลยุทธ์ สส.เสาเข็ม จึงส่งผลกระทบต่อ “สส.เสาไฟฟ้า” พรรคเพื่อไทยโดยตรง
สถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ชายแดนอีสานใต้ ได้จุดไฟชาตินิยมโดยธรรมชาติ และส่งผลให้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กลายเป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะคนอีสาน
พรรคเพื่อไทย จึงได้รับผลกระทบโดยตรงจากปรากฏการณ์ “แม่ทัพมนต์กุ้ง” หรือ “แม่ทัพมนต์แคน” เหมือนผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งล่าสุด เมื่อคะแนนนิยมของแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ลดต่ำลง เพราะเรื่องคลิปเสียงข้ามประเทศ
จริงๆ แล้ว คะแนนนิยมของเพื่อไทยในภาคอีสาน เริ่มทรงๆมาตั้งแต่สมัยจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว คนเสื้อแดงย้ายฝั่งไปเชียร์พรรคสีส้มหรือพรรคประชาชน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ในสนามอีสาน เมื่อต้นปี 2568 ได้ตอกย้ำว่ากระแสทักษิณลดต่ำ และมนต์ไม่ขลังเหมือนเก่าแล้ว
แม้ พล.ท.บุญสิน ประกาศชัดหลังเกษียณไม่เล่นการเมือง แต่กระแสชาตินิยมที่ถูกปลุกขึ้นมานั้น ส่งผลกระทบพรรคสีแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม กระแสชาตินิยมเชิงอนุรักษ์แบบ “แม่ทัพกุ้ง” จะเป็นไฟไหม้ฟางหรือไฟสุมขอน คงต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่ง
ก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 เกจิการเมืองต่างฟันธงว่า สมรภูมิอีสาน 133 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยจะกวาดไปไม่ต่ำกว่า 110 ที่นั่ง แต่เอาเข้าจริงก็ทำได้แค่ 74 ที่นั่ง
นับแต่ปี 2548 พรรคของทักษิณ ไม่เคยสูญเสียที่นั่ง สส.ในภาคอีสานให้พรรคอื่นมากเท่าปี 2566 คือโดนพรรคอื่นเจาะไป 58 เขต
ปี 2554 ขายแบรนด์ยิ่งลักษณ์-เสื้อแดง ได้ สส. 104 คน จากทั้งหมด 126 คน
ปี 2562 ขายแบรนด์เพื่อไทย-เสื้อแดง ได้ สส. 84 คน จากทั้งหมด 116 คน
ปี 2566 ขายแบรนด์เศรษฐา-แพทองธาร ได้ สส. 74 คน จากทั้งหมด 133 คน
เฉพาะสมัยที่แล้ว พรรคคู่แข่งเบียดแทรกในอีสานได้มากขึ้น อย่างภูมิใจไทย ได้ สส.35 ที่นั่ง,พลังประชารัฐ 7 ที่นั่ง,ก้าวไกล 7 ที่นั่ง,ไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง ,ไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง และประชาธิปัตย์ 2 ที่นั่ง
ดังนั้น จึงมีข่าววงในพรรคเพื่อไทยว่า “นายใหญ่” วางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งใหม่สมัยหน้า เน้นผู้สมัคร สส.เลือดใหม่ ที่มีฐานเสียงฐานทุน และโละทิ้ง สส.เสาไฟฟ้า
ด้านหนึ่ง สู้กับกระแสพรรคสีส้ม ที่คาดว่า จะมาแรงกว่าปี 2566 อีกด้านหนึ่ง ก็เอาชนะ สส.บ้านใหญ่สีน้ำเงิน
ด้วยเหตุนี้ จึงมีอดีต สส.เพื่อไทย หลั่งไหลไปแสวงหาโชคลาภที่บ้านป่ารอยต่อฯ เพราะได้กลิ่นทรัพยากรของลุงป้อม