มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล พยายามใช้ศาสตร์แห่งจิตวิทยาอย่างหนักในสัปดาห์นี้
ก่อนเกมรอบรองชนะเลิศนัดที่สองกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อาร์เตต้าให้สัมภาษณ์เชิงติดตลกเล็ก ๆ ว่า ทีมของเขาควรได้แชมป์ลีกมาแล้วถึงสองสมัยจากผลงานในช่วงสองปีหลัง
"การคว้าแชมป์มันเกี่ยวกับการอยู่ถูกที่ถูกเวลา" อาร์เตต้ากล่าว "ลิเวอร์พูลเคยคว้าแชมป์ด้วยคะแนนน้อยกว่าที่เราทำได้ในสองฤดูกาลหลังนี้เสียอีก ถ้านับแค่คะแนน เราน่าจะได้พรีเมียร์ลีกไปสองสมัยแล้ว"
แม้พวกเขาจะสู้ได้ดีที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ แต่ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์จากความพ่ายแพ้ 1-0 ในนัดแรกได้ อาร์เซน่อลเริ่มเกมได้อย่างยอดเยี่ยม และควรจะได้ประตูในช่วง 20 นาทีแรก แต่สุดท้ายก็หมดแรงต้านเกมของทีมเปแอสเชที่จัดระบบมาอย่างแน่นหนาภายใต้การคุมทัพของหลุยส์ เอ็นริเก้
หลังจบเกม อาร์เตต้ากล่าวอีกว่า “ผมภูมิใจกับนักเตะมาก ๆ ถ้าพูดตรง ๆ ผมไม่คิดว่ามีทีมไหนเล่นได้ดีกว่าอาร์เซน่อลในรายการนี้ แต่สุดท้ายเราก็ต้องตกรอบ”
“รายการนี้มันตัดสินกันในเขตโทษ และในเขตโทษทั้งสองฝั่ง มันคือเรื่องของกองหน้าและผู้รักษาประตู และพวกเขาก็เหนือกว่าเราในทั้งสองนัด”
และสิ่งที่ อาร์เตต้า พูดก็มีส่วนจริง จานลุยจิ ดอนนารุมมา นายทวาร เปแอสเช เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในช่วงต้นเกมคืนวันพุธ ขณะที่ฝั่งเปแอสเชก็เฉียบคมในการจบสกอร์
แม้สถิติค่าคาดหวังประตู (xG) จะชี้ว่าอาร์เซน่อลทำได้ดีกว่า แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเกมนี้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายไล่ตามตั้งแต่นาทีที่ 4 ของนัดแรก และต้องบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องเพื่อดิ้นรนเข้ารอบ
หากจะประเมินอย่างเป็นธรรม อาร์เซน่อลอาจไม่ได้เป็นทีมที่ดีที่สุดในบรรดาทีมที่เหลือในรอบรองฯ แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป
แล้วอาร์เซน่อลเก่งที่สุดเรื่องอะไรในแชมเปี้ยนส์ลีกปีนี้?
คำตอบสั้น ๆ คือ ไม่มีสถิติใดที่พวกเขา "ดีที่สุด"
จริงอยู่ที่พวกเขาทำผลงานในยุโรปได้อย่างน่าประทับใจ แต่ถ้าว่ากันตามตัวเลขสถิติ "เดอะ กันเนอร์ส" ไม่ได้เด่นกว่าทีมอื่นอย่างชัดเจน
การเพรสซิ่ง: อาร์เซน่อลมีตัวเลขค่า PPDA อยู่ที่ 13.4 ในรอบน็อคเอาท์ แต่เป็นเพียงอันดับ 9 จาก 16 ทีมสุดท้าย
การแย่งบอลสูง (ไฮเพรส): อาร์เซน่อลแย่งบอลได้ในพื้นที่เกมรุกเฉลี่ย 5.5 ครั้งต่อ 90 นาที แม้จะเป็นตัวเลขที่สูงแต่ก็ยังน้อยกว่าบาเยิร์น มิวนิค ที่ทำได้ 6.9 ครั้ง
จำนวนประตู: อาร์เซน่อลยิงกระจายใส่ สปอร์ติ้ง (5-1), พีเอสวี (7-1) และยังถล่ม โมนาโก, ดินาโม ซาเกร็บ และยังไล่ต้อนเรอัล มาดริด ถึง 3-0 มาแล้ว แต่ค่าเฉลี่ยการทำประตูอยู่ที่ 2.2 ลูกต่อเกม ก็ยังตามหลังบาร์เซโลน่าที่ทำได้ 3 ลูกต่อเกมอยู่ดี
เกมรับ: อาร์เซน่อลเสียประตูเฉลี่ย 0.71 ลูกต่อเกม ถือว่าดีมาก แต่ก็ยังเป็นเพียงอันดับสอง รองจากลิเวอร์พูล (0.58)
การครองบอลและการคุมพื้นที่: อาร์เซน่อลมีสถิติด้านนี้อยู่ที่ 59% แม้จะเหนือกว่าค่าเฉลี่ย แต่ยังห่างจากแมนฯ ซิตี้ ที่ครองพื้นที่สูงสุดที่ 79%
การเซ็ตเกมและการต่อบอล: อาร์เซน่อลมีจังหวะการต่อบอล 9 ครั้งขึ้นไปเฉลี่ย 16 ครั้งต่อเกม แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่จัดเป็นอันดับ 16 จากทั้งหมด 36 ทีมในรายการนี้เท่านั้น
การขึ้นเกมทางริมเส้น: แม้ บูกาโย่ ซาก้า จะเจ็บไปนานถึง 3 เดือน แต่ทีมก็ยังคงเน้นเกมทางฝั่งขวา โดยมีสัดส่วนเกมบุกทางขวาสูงมาก แต่ก็เป็นแค่อันดับ 4 ในทัวร์นาเมนต์
...
แน่นอนว่า สำหรับแฟนๆ อาร์เซน่อล พวกเขาควรภูมิใจกับทีมชุดนี้ ทีมรักของพวกเขาแพ้เพียงแค่สองนัด ต่อเปแอสเชในรอบรองฯ และอินเตอร์ มิลานในรอบแบ่งกลุ่ม แถมยังเคยชนะเปแอสเช 2-0 เมื่อเดือนตุลาคม และยังเขี่ยแชมป์เก่า เรอัล มาดริด ตกรอบไปอย่างหมดจดในรอบก่อนรองฯ ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นชัดว่า อาร์เซน่อลคือหนึ่งในทีมระดับแถวหน้าของยุโรป
แต่หากจะบอกว่าพวกเขาเป็น "ทีมที่ดีที่สุด" ของแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้...สถิติข้างบนก็ชัดอยู่แล้วว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น
***แปลและเรียบเรียงจาก: What were Arsenal the best at in the Champions League? ใน The Athletic