ดูดไขมันน้ำหนักลดไหม?
การดูดไขมัน ไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดลงได้ เพราะการดูดไขมันเฉพาะส่วน จะช่วยลดปริมาณไขมันที่มีน้ำหนักเบาให้เหลือปริมาณน้อยที่สุด แต่ยังคงเหลือมวลกล้ามเนื้อที่มีน้ำหนักเป็นรูปทรงอยู่ แต่หากลูกค้าทำการดูดไขมันทั้งตัวและมีมวลไขมันสูงมากกว่ากล้ามเนื้อ จะสามารถทำให้น้ำหนักลดลงได้
ดูดไขมันส่วนไหนออกได้บ้าง
เราได้รวบรวม 10 ส่วนของร่างกายยอดนิยมที่ผู้เข้ารับบริการชอบดูดไขมันออกไป มีดังนี้
- ดูดไขมันเหนียง สำหรับคนที่มีเนื้อแก้ม เหนียง และผิวหนังบนใบหน้าหย่อนคล้อยเยอะ
- ดูดไขมันนมน้อย สำหรับผู้ที่มีไขมันช่วงนมน้อยเยอะ อยากกระชับหน้าอกให้เต่งตึง
- ดูดไขมันแผ่นหลัง สำหรับคนที่มีไขมันบนช่วงหลัง และปีกหลังเยอะ
- ดูดไขมันต้นแขน สำหรับคนที่มีผิวหนังใต้ชั้นไขมันเยอะ และผิวหนังหย่อนคล้อย
- ดูดไขมันหน้าท้อง สำหรับคนที่มีไขมันสะสมใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง และช่องท้อง
- ดูดไขมันเอวเอส สำหรับคนที่ต้องการดูดไขมันช่วงเอว-สะโพกให้ผอมเพรียว เอวทรงเอส
- ดูดไขมันน่อง สำหรับคนที่ต้องการดูดไขมันที่แทรกอยู่ในกล้ามเนื้อน่อง
- ดูดไขมันต้นขา สำหรับคนที่ต้องการดูดไขมันสะสมที่ต้นขา ทำให้ขาดูเล็กลง
- ดูดไขมันข้อเท้า สำหรับคนที่อยากดูดไขมันสะสมช่วงข้อเท้า
- ดูดไขมันทั้งตัว สำหรับคนที่อยากกระชับสัดส่วน และลดน้ำหนัก ให้ทรวดทรงกระชับรวดเร็ว
เครื่องดูดไขมัน แตกต่างกันยังไงบ้าง
เครื่องมือดูดไขมันทั้งหมด มี 4 นวัตกรรม ได้แก่
- Ultrasonic Assisted Liposuction คือ การดูดไขมันด้วยพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ความร้อน ในระดับความถี่ที่มีปฏิกิริยาต่อเซลล์ไขมัน ให้เกิดการแตกตัวเป็นของเหลว เพื่อให้แพทย์ใช้เครื่องดูดไขมันออกไปได้ง่ายขึ้น
ข้อดี
- ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก ใช้ได้ทุกส่วนของร่างกาย
- ระยะเวลาดูดไขมันใช้เวลาไม่นาน
ข้อเสีย
- บริเวณผิวหนังที่ถูกเจาะเพื่อใส่ท่อดูดไขมันเข้าไป อาจเกิดรอยไหม้เป็นรอยคลื่น หรือเป็นผิวเปลือกส้ม
- ไขมันที่ถูกดูดออกมา ไม่สามารถนำไปเติมเพิ่มในส่วนใดของร่างกายได้เลย เพราะไขมันที่ถูกคลื่นสลายเป็นเซลล์ตาย ไม่สามารถนำไปใช้ต่อได้
- Water Jet Assisted Liposuction คือ การดูดไขมันด้วยพลังงานน้ำ โดยใช้แรงดันน้ำที่มีส่วนผสมของยาชาและยาที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการหดตัวของหลอดเลือด (Vasopressors) อัดเข้าที่ชั้นไขมัน เพื่อให้เซลล์เกาะกลุ่มกันเป็นพวงองุ่น แล้วแตกตัวอย่างอ่อนโยน เซลล์ไขมันที่ได้สามารถนำไปใช้งานต่อได้
ข้อดี
- บริเวณผิวที่ถูกดูดไขมัน ไม่เป็นรอยคลื่น มีผิวเรียบเนียน
- สามารถดูดไขมันได้ทุกส่วนของร่างกาย
- คนไข้มีอาการเจ็บหรือผิวช้ำเพียงเล็กน้อย
- วิธีดูดไขมันด้วยเครื่องมือนี้ สามารถนำเซลล์ไขมันไปต่อเติมบริเวณใบหน้า หลังมือ หน้าอก และช่วงสะโพกให้ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นได้
ข้อเสีย
- ระยะเวลาดำเนินการดูดไขมันค่อนข้างนาน อาจใช้เวลามากถึง 2-4 ชั่วโมงต่อเคส
- สัดส่วนจากการดูดไขมันประเภทนี้จะยังไม่เข้าที่ทันที อาจใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการรอให้รูปร่างกระชับเข้ารูปมากขึ้น
- RF Assisted Liposuction คือ การดูดไขมันด้วยการใช้ท่อธรรมดาฉีดเข้าสู้ชั้นผิวหนัง แล้วดูดสุญญากาศเข้าไป จากนั้นใช้มือกระแทกเซลล์ไขมันให้แตกแยกตัวจากกัน และดูดออกมาอัตโนมัติ
ข้อดี
- ค่าใช้บริการถูกที่สุดในบรรดาเครื่องมือทั้งหมด
ข้อเสีย
- ระยะเวลาปฏิบัติการใช้เวลานาน และการพักฟื้นนานเช่นกัน
- ผู้ป่วยมีแผลใหญ่ อาจช้ำใน บางรายอาจเสียเลือดมาก
- ผิวหนังที่ถูกเจาะ อาจไม่เรียบเนียน
- J Plasma (Plasma-Assisted Liposuction) คือ การดูดไขมันโดยใช้คลื่นพลังงานพลาสมาทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้เนื้อเยื่อกระชับหดตัวลงด้วยความร้อนสูงสุด 85 องศาเซลเซียส เห็นผลรูปทรงกระชับมากขึ้นใน 3 เดือน
ข้อดี
- ช่วยขจัดเซลล์ไขมันเฉพาะจุดให้สลายออกไปได้หมด
- ผิวที่โดนคลื่นกระทบ ไม่เป็นโพรง ไม่เป็นคลื่น และไม่ทำให้เกิดผิวเปลือกส้ม
ข้อเสีย
- การสลายไขมันทำได้น้อย ทำให้ดูดไขมันออกมาได้ปริมาณไม่มาก
- ไม่เหมาะกับการดูดไขมันบนบริเวณที่มีมวลไขมันหนาแน่นสูง
- ผิวหนังที่ถูกดูดไขมันอาจเป็นคลื่น เป็นลอน ไม่เรียบเนียน
- คนไข้อาจผลข้างเคียงเช่น มีรอยฟกช้ำ บวม และอาจเสียเลือดมาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน
เตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
การเตรียมความพร้อมก่อนการดูดไขมันสำหรับผู้เข้ารับบริการ มีวิธีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อนปฏิบัติการดูดไขมัน
- เลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วสบายตัว ไม่รัดตัวเกินไป
- ทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย
- งดดื่มน้ำ ชา น้ำอัดลม อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อลดการเกิดปวดปัสสาวะขณะดูดไขมัน
- หากขับรถมาเองให้นำเพื่อหรือญาติติดตามมา และขับแทนหลังจากผู้ป่วยเข้ารับการศัลยกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนการดูดไขมัน
ขั้นตอนการดูดไขมัน มี 3 ขั้นตอน ได้แก่
- ขั้นตอนที่ 1 การใส่สาร Tumescent ที่ประกอบไปด้วย ยาชา , เกลือ , อะดรีนาลีน และยาชนิดอื่น เพื่อให้ประสิทธิภาพการดูดไขมันดียิ่งขึ้น และผลข้างเคียงจากการใช้อุปกรณ์เจาะช่องผิวหนัง มีรอยแผลฟกช้ำน้อยที่สุด
- ขั้นตอนที่ 2 การสลายเซลล์ไขมัน คุณหมอจะใช้เครื่องขจัดไขมันที่ทางลูกค้าได้เลือกและปรึกษาคอร์สอุปกรณ์กับทางทีมแพทย์เรียบร้อยแล้ว ในการสลายไขมัน
- ขั้นตอนที่ 3 การดูดไขมัน เมื่อทำการย่อยสลายเซลล์ไขมันให้แปรสภาพเป็นของเหลวเรียบร้อย หมอจะทำการดูดไขมันออกมาและตรวจสอบบริเวณที่ถูกดูดไขมันออกมา ให้ได้รูปร่างที่ดูเป็นธรรมชาติและสมส่วนที่สุด
ดูดไขมัน ผลลัพธ์
หลังจากการดูดไขมันผ่านไป 2 สัปดาห์ สัดส่วนบริเวณผิวหนังที่ถูกเครื่องมือจะค่อยๆหายบวม ยุบลง ส่วนสภาพพื้นผิวจะกลับมาเป็นปกติเมื่อเวลาผ่านไป
อาการแทรกซ้อนหลังดูดไขมัน
อาการแทรกซ้อนจากการดูดไขมันที่สามารถพบเห็นจากเคสทั่วๆ ไป มี ดังนี้
- การติดเชื้อ พบได้น้อย เนื่องจากสาร Tumescent ที่ใช้เป็นยาจะมีฤทธิ์เป็นกรดอยู่แล้ว ทำให้สามารถฆ่าเชื้อขณะดูดไขมันได้
- ภาวะ Seroma คือภาวะที่ร่างกายไม่ยอมให้มีช่องว่างเกิดขึ้นใต้ผิว ทำให้ร่างกายสร้างน้ำขึ้นมาทดแทน แพทย์จะแก้ไขด้วยการเจาะน้ำออกไป หากบางเคสมีปริมาณน้ำน้อย สามารถแก้ไขด้วยการสวมใส่ชุดกระชับหลังการดูดไขมันได้
- ดูดไขมันแล้วเป็นไตแข็ง เป็นอาการที่ใต้ผิวหนังในบริเวณที่ถูกเจาะ เกิดเป็นก้อนแข็ง พังผืด และห้อเลือด สามารถแก้ไขด้วยการใส่ชุดกระชับไขมันให้ก้อนเนื้อนิ่มลง
- ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น พื้นผิวโดยรอบเป็นคลื่นไม่สม่ำเสมอ เกิดจากแพทย์ใช้เครื่องมือดูดไขมันออกในปริมาณที่เยอะเกินไป สามารถแก้ไขโดยการใส่ชุดกระชับไขมัน หรือนวดกระชับด้วยอุปกรณ์ RF ลดรอยบุ๋มให้ยุบลง
- หลังดูดไขมันยาชาออกฤทธิ์มากเกินไป ฤทธิ์ยาชาอาจทำให้ร่างกายเป็นเหน็บชา ผู้เข้ารับบริการบางรายอาจมีอาการชานานเป็นเดือน วิธีแก้คือควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 ลิตร ให้ร่างกายขับยาชาออกมาในรูปแบบปัสสาวะ
สรุปเรื่องดูดไขมัน
การดูดไขมันสามารถแก้ปัญหาไขมันสะสมที่ขจัดยาก ให้สลายออกไปได้โดยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมระดับมืออาชีพ เป็นอีกหนึ่งวิธีทางลัดที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินทั้งเฉพาะจุดและทุกส่วน ให้มีรูปร่างที่ดูดี สมส่วน และดูเป็นธรรมชาติ
หากสนใจแต่ไม่รู้จะหาคลินิกดูดไขมันที่ไหน Amara Clinic เป็นศูนย์ดูดไขมันเฉพาะทาง มีเคสรีวิวจากคลินิกนับไม่ถ้วน ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ปลอดภัย การันตีผลลัพธ์ระยะยาว สอบถามโปรโมชัน LINE: @amaraclinic จองคิวปรึกษาแพทย์ฟรี ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม สนใจลงทะเบียน คลิกที่นี่